Saturday, April 21, 2012

[2213] ทำไม train แล้วต้อง test ด้วย, และ วิธี test ที่ถูกต้อง

สวัสดีครับ
คนที่ต้องการใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการพัฒนาการงานและชีวิต ก็ต้องฝึกเรียนและใช้ภาษาอังกฤษ ในการ ฟัง พูด อ่าน เขียน อยู่เรื่อย ๆ ถ้าฝึกได้ทุกวันยิ่งดี 


สิ่งที่ผมอยากชวนให้มองก็คือ เมื่อท่านฝึก หรือ train ตัวเอง ก็ไม่ควรทิ้งเรื่องการ test ตัวเอง เป็นระยะ ๆ ท่านอาจจะถามว่า การ test สำคัญมากนักหรือ, ไม่ test ไม่ได้รึไง? อย่างเช่น แต่ละวันก็ฝึกอ่านและฝึกฟัง ซึ่งก็รู้เรื่อง คือ ฝึกอ่าน-และอ่านรู้เรื่อง; ฝึกฟัง-และฟังรู้เรื่อง; ฝึกเขียน-ซึ่งก็พอเขียนได้; ฝึกพูด-ซึ่งก็พอพูดได้ ผลที่เราอ่านและฟังรู้เรื่อง – และพูดและเขียนได้นี้ มันก็เป็นการ test และแจ้งผลโดยอัตโนมัติว่า เราสอบผ่านการฝึก (มากหรือน้อย ก็ว่ากันไป) ทำไมเราต้องหา test หรือ exercise หรือ quiz มาทำให้เสียเวลา และ เมื่อยสมองด้วย

เหตุที่เราต้องหา test หรือ exercise หรือ quiz มาทำเป็นกิจจะลักษณะบ้าง ก็เพราะว่า ถ้าเราเรียนกับครูจริง ๆ เมื่อเราเข้าใจผิด-พูดผิด-เขียนผิด ก็อาจได้ครู ช่วยแก้ หรือ correct เราทันที แต่การเรียนด้วยตัวเองโดยไม่มีครู, การได้ทำ test หรือ exercise หรือ quiz และมีเฉลยให้ดูนี่แหละครับ จะทำหน้าที่เสมือนครูที่ช่วยบอกเราว่า ตรงนั้นผิด ตรงนี้ถูก เช่น เราอ่านเข้าใจถูกต้องหรือไม่, เราฟังรู้เรื่องครบถ้วน หรือถูกต้องหรือไม่, เราน่าจะปรับปรุงการเขียนหรือการพูดของเราอย่างไร เป็นต้น ทั้งหมดนี้ เฉลย ที่ตามหลัง test หรือ exercise หรือ quiz ช่วยเราได้ครับ

แน่นอนครับ เราไม่จำเป็นต้องทำ test ทุกครั้งที่เรา train ตัวเองในการ ฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษ แต่เราก็ไม่น่าจะห่างเหินจากการtest ตัวเองนานเกินไปนัก

ความเข้าใจผิด (ในการอ่าน หรือ การฟัง) หรือ การใช้ภาษาอังกฤษผิด (ในการพูด หรือ เขียน) ถ้าได้รับการชี้แนะแก้ไข จากเฉลย แต่เนิ่น ๆ จะเป็นพื้นฐาน หรือขั้นบันไดที่ดี ให้เราก้าวข้ามไปสู่ทักษะที่สูงขึ้น

อย่างผมเอง เมื่อฝึกฟังภาษาอังกฤษ เช่น เรื่องนี้ A Risky Road Trip
เมื่อฟังจบเที่ยวแรก ลองทำแบบฝึกหัด และดูเฉลย ก็พบว่าผิดหลายข้อ ผมก็เลยฝึกฟังซ้ำ อีกหลายเที่ยว และทำแบบฝึกหัดใหม่ ก็พบว่า ได้คะแนนมากขึ้น แต่จุดสำคัญมันไม่ได้อยู่ที่ได้คะแนนมากขึ้น ทว่าอยู่ตรงที่สามารถรู้สาเหตุว่า ที่ฟังรู้เรื่องน้อย และทำผิดเยอะ ก็เพราะว่า
-มีศัพท์บางตัวที่เราควรรู้ แต่ไม่รู้
-มีศัพท์หลายตัวที่รู้แล้ว แต่ไม่คุ้นกับสำเนียงที่ฝรั่งเขาออกเสียง เมื่อฟังจึงไม่รู้ว่า เป็นคำที่เรารู้จักอยู่แล้ว
-และบางครั้งที่เราฟังออก แต่ก็อาจจะตีความเรื่องที่ได้ฟังอย่างผิด ๆ จึงทำข้อสอบผิดได้เช่นกัน
ข้อบกพร่องนี้ หรืออย่างอื่นในทำนองนี้ การได้ทำ test หรือ exercise หรือ quiz จะช่วยให้เราเห็นมัน และเข้าใจถูกต้อง – ใช้ถูกต้อง มากขึ้น ในอนาคต

สิ่งหนึ่งที่ผมอยากแนะนำก็คือ ท่านไม่ต้องเครียด เอาจริงเอาจังเกินไป
คือ ท่านไม่ต้องอยาก ดังต่อไปนี้
-อยากอ่าน และรู้เรื่องเยอะ ๆ ทันที
-อยากฟัง และเข้าใจเรื่องเยอะ ๆ ทันที
-อยากพูด และพูดได้คล่องทันที เมื่อฝึกพูดประโยคแรก ในวันแรก สัปดาห์แรก เดือนแรก สามเดือนแรก
-อยากเขียน และเขียนได้ลื่นไหลไม่ติดขัด ทันทีที่ลากปากกาเขียนประโยคแรก หรือพิมพ์ประโยคแรก
 

ท่านอย่าได้อยากอย่างนี้เลยครับ เพราะความอยากที่มากเกินไป และได้ไม่สมอยากทันใจ มักทำให้ท้อเร็วเกินไป และเลิกพยายามเร็วเกินไป
ขอให้พยายามเยอะ ๆ แต่อยากน้อย ๆ มีสติอยู่เนืองนิตย์ และผลอันไพบูลย์จาก การ train และ test ภาษาอังกฤษ จะเกิดและสะสมขึ้นมาเอง โดยท่านอาจจะไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ

ท่านเคยได้ยินสำนวนฝรั่งนี้ไหมครับ watched pot never boils ซึ่งหมายความว่า อะไรที่ท่านจ้องหรือคอยอย่างใจจดใจจ่อให้มันเกิด หรือให้มันมาหาท่าน มันไม่รู้จักมาซะที เหมือนต้มน้ำและจ้องว่าเมื่อไหร่มันจะเดือด ท่านอาจจะรู้สึกหงุดหงิดว่า ทำไมมันเดือดช้านัก หรือหลายท่าน อาจจะมีประสบการณ์นี้ ท่านรอรถเมล์เบอร์นี้ แต่มันก็ไม่ยอมมาสักที แต่วันไหนที่ท่านไม่รอมัน มันมาได้มาดี 



การฝึกภาษาอังกฤษก็เช่นดียวกันครับ อย่าฝึกภาษาอังกฤษแบบ ต้มน้ำและเอาใจจดจ่อรอให้มันเดือด ท่านจะเสียพลังงานไปกับการรอ การลุ้น ความหงุดหงิด และเหลือพลังงานแค่นิดเดียวในการ train ตัวเอง ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลายคนบ่นว่า ฝึกภาษาอังกฤษมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย อาจเป็นไปได้ว่า ท่านฝึกแบบ watched pot never boils

 


เอาละครับ กลับมาเข้าเรื่อง
1.ในบล็อก e4thai.com นี้ ผมได้รวบรวม เรื่องการ test ไว้ที่ลิงค์นี้ Test– ท่านเข้าไปดูเถอะครับ มีเยอะให้ท่านเลือก

2. ถ้าท่านเข้าหาไปใน Google ก็มีเยอะแยะให้ท่านฝึกทำ ผมหามาให้ท่านข้างล่างนี้ แยกออกเป็น level ด้วย
ระดับ Basic
ถ้าต้องการระดับอื่น ก็คลิกที่ Intermediate หรือ Advanced

3.ลองทำตามตัวอย่างสัก 1 เว็บก็ได้ครับ
คือเว็บนี้
http://www.englishexercises.org
เมื่อเข้าไปแล้ว ให้ดูที่...
คอลัมน์ซ้ายมือ ใต้ Vocabulary
คอลัมน์ขวามือ ใต้ Grammar
คอลัมน์ขวามือ ใต้ Others
 

แถม เว็บที่คล้ายกับ englishexercises.org
http://tinyurl.com/6sdshxu
http://tinyurl.com/72uyl2r
หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้างนะครับ

พิพัฒน์
www.facebook.com/e4thai
www.facebook.com/EnglishforThai
e4thai@live.com

[2212]แนะนำเว็บวีดิโอสอนภาษาอังกฤษ “ครูหญิง”



สวัสดีครับ

วันนี้ขอแนะนำเว็บวีดิโอสอนภาษาอังกฤษ ของ“ครูหญิง” หรือ อาจารย์ อรสุธี วัฒนพฤกษ์



เว็บนี้ผมขอแนะนำสั้น ๆ ว่า ดีครับ แต่ อยากให้ท่านเข้าไปศึกษาด้วยตัวเองจะได้รู้ว่าดียังไง

ขอขอบคุณครูหญิงมากครับ ที่ทำวีดิโอเหล่านี้ออกเผยแพร่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน

ลองดูตัวอย่างสัก 1 คลิปก็ได้ครับ 
เรื่องการแนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษง่าย ๆ
 

เชิญครับ....


พิพัฒน์
 www.facebook.com/e4thai
 www.facebook.com/EnglishforThai
 e4thai@live.com

[2211]รวม วีดิโอ ประวัติ ท่านอาจารย์พุทธทาส

สวัสดีครับ
ผมพบวีดิโอประวัติท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุ ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ


 

ภาษาไทย
ชีวิตและผลงาน พุทธทาส ภิกขุ

ภาษาอังกฤษ


Biography of Bhikkhu Buddhadasa Pt 1 of 3

 

Biography of Bhikkhu Buddhadasa Pt 2 of 3

 

Biography of Bhikkhu Buddhadasa Pt 3 of 3


 

 

LIFE & WORK OF BUDDHADASA BHIKKHU Part I YouTube

LIFE & WORK OF BUDDHADASA BHIKKHU. Part II




ศึกษาเพิ่มเติม
  [2206] รวม วีดิโอ ประวัติหลวงพ่อชา



พิพัฒน์ 
www.facebook.com/e4thai 
www.facebook.com/EnglishforThai 
e4thai@live.com

Friday, April 20, 2012

[2210] เรียนภาษาญี่ปุ่น (อธิบายด้วยภาษาไทย & อังกฤษ)



สวัสดีครับ
ดึกแล้ว  พรุ่งนี้ผมต้องรีบตื่นแต่เช้า คืนนี้ ขอแนะนำสั้น ๆ แล้วกันครับ
เรียนภาษาญี่ปุ่น  ซึ่งอธิบายด้วยภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษ


เรียนภาษาญี่ปุ่น  ซึ่งอธิบายด้วยภาษาไทย ไปที่นี่

เรียนภาษาญี่ปุ่น  ซึ่งอธิบายด้วยภาษาอังกฤษ ไปที่นี่


พิพัฒน์
www.facebook.com/e4thai
www.facebook.com/EnglishforThai
e4thai@live.com

Thursday, April 19, 2012

[2209] แนะนำ/ดาวน์โหลดดิก Longman ไว้ อ่าน, ทบทวน, ท่อง, test

สวัสดีครับ
โดยทั่วไปเมื่อนึกถึงดิกชันนารี คนทั่วไปก็จะมักถึงหนังสือที่ใช้เปิดหาความหมายของศัพท์ที่ไม่รู้หรือไม่แน่ใจ พอรู้แล้วก็แล้วกัน ถ้าใครขยันก็อาจจะจดศัพท์คำนั้นไปไว้ในสมุดจดศัพท์ส่วนตัวเพื่อท่อง

แต่ผมอยากจะเรียนทุกท่านว่า มีดิกอังกฤษ – อังกฤษ บางเล่ม ที่เขาจัดทำขึ้นมา โดยรวบรวมเฉพาะคำง่าย ๆ ที่ใช้บ่อยมาก ๆ ทั้งในการฟัง พูด อ่าน เขียน และแต่ละคำเขาก็ไม่ได้บอกทุกความหมาย แต่จะบอกเฉพาะความหมายที่ใช้บ่อยที่สุด พูดง่าย ๆ ก็คือ ดิกอย่างนี้ท่านสามารถใช้เป็นสมุดจดศัพท์ประจำตัวได้เลย เพราะว่าคำศัพท์ที่เขาคัดมาแล้วประมาณ 10,000 คำนั้น ท่านพยายามจำไปเถอะครับ เพราะจำแล้วคุ้ม ไม่ใช่จำแล้วเสียเที่ยวเพราะจำแล้วไม่ได้ใช้ 



ดิกที่มีคุณศัพท์ที่ว่านี้ คือ ดิกเล่มนี้ครับ
Longman New Junior English Dictionary

พอขอสรุปประโยชน์ที่ท่านจะได้รับจากดิก Longman New Junior English Dictionary ดังนี้ครับ
1.ใช้เป็นสมุดจดคำศัพท์ส่วนตัว เก็บไว้ใช้ อ่าน, ทบทวน, ท่อง, และ test ศัพท์ตัวท่านเอง ได้เป็นอย่างดี
2.ใช้ฝึก reading skill เพราะนอกจากคำอธิบายคำศัพท์แล้ว คำส่วนใหญ่จะมีประโยคตัวอย่างง่าย ๆ ประกอบ ก็ฝึกอ่านแค่วันละ 5 คำ 10 คำ ก็ได้ครับ ถ้าไม่ค่อยมีเวลาว่าง

ท่านไม่ต้องกลัวคนกล่าวหาว่าบ้าท่องดิกหรอกครับ ดิกพื้นฐาน อย่างนี้ เด็กท่องได้ ผู้ใหญ่ท่องดีครับ

คลิกดาวน์โหลด
ที่นี่ หรือ ที่นี่ 


พิพัฒน์ 
www.facebook.com/e4thai
www.facebook.com/EnglishforThai
e4thai@live.com

Tuesday, April 17, 2012

[2208] หนังสือฟรี มีมากมาย หาไม่ยาก (filecrop.com)

สวัสดีครับ
หนังสือฟรี มีมากมาย หาไม่ยาก – ข้อความนี้เป็นความจริงครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หนังสือภาษาอังกฤษ
 

ขอแนะนำให้ไปที่นี่ครับ www.filecrop.com
1.ถ้ารู้ชื่อหนังสือก็พิมพ์ลงไปเลย (อย่าพิมพ์ผิดนะครับ) อย่างเช่น 2 เล่มนี้ ที่ผมรู้ชื่อหนังสือ และต้องการหามาอ่าน
Aesop's Fables
Titanic- The Ship That Never Sank
เมื่อเห็นชื่อหนังสือเล่มใดและต้องการ, ก็คลิกลิงค์นั้น
 

และคลิกที่ลิงค์ให้บรรทัด Download from Rapidshare.com:
-คลิกคำว่า DOWNLOAD ใต้คำว่า Save File to... ...your computer.
 

หรือ คลิกที่ลิงค์ให้บรรทัด Download from Hotfile.com:
และคลิก REGULAR DOWNLOAD
 

คำแนะนำก็คงมีแค่นี้แหละครับ แต่ผมขอแถมท้ายอีกนิดนึง
 

ผมอยากจะชักชวนท่านที่กลัวการอ่านตำราหรือหนังสือภาษาอังกฤษ คือ จะเรียนภาษาอังกฤษก็ต้องเรียนจากตำราภาษาไทยเท่านั้น ถ้าท่านมีความคิดอย่างนี้ ผมอยากให้ท่านเปลี่ยนความคิดใหม่ครับ คือ จะหัดเรียนภาษาอังกฤษจากตำราภาษาอังกฤษ จะลองทิ้งตำราภาษาไทยสักพัก
 

ท่านอาจจะบอกว่า อ่านตำราภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง !!
 

เอาอย่างนี้แล้วกันครับ
พอท่านเข้าไปที่เว็บ www.filecrop.com ก็ให้พิมพ์คำค้นที่มีคำจำพวกนี้ปนอยู่ด้วย เช่น easy, basic, simple, plain, common เป็นต้น หนังสือเรียนภาษาอังกฤษที่มีคำพวกนี้ปนอยู่ มักจะง่ายหน่อย ท่านเริ่มเรียนจากพวกนี้ก่อนก็ได้ครับ
 

ลองดูครับ....
easy English
basic English
simple English
plain English
common English
 

อันที่จริง ยังมีวิธีหาเรื่องภาษาอังกฤษง่าย ๆ มาอ่าน
 

วิธีหาทำอย่างนี้ครับ
1)ไปที่ Google Advanced Search
2)พิมพ์ข้อความที่ต้องการค้น (keys words)ลงไป ในช่อง all these words: เช่นตอนนี้ผมจะพิมพ์คำว่า how to remember vocabulary
3)ตรงช่อง Reading level: ให้คลิกเลือก show only basic results
4)คลิก Advanced Search
5) Google จะแสดงเรื่องที่ท่านต้องการ โดยแสดงเรื่องที่ใช้ภาษาอังกฤษง่ายที่สุด (basic) ก่อน และตามเรื่องที่ยากขึ้นไป คือ intermediate และ Advanced ให้ท่านคลิก

ในกรณีที่หน้า Google Advanced Search แสดงแต่ภาษาไทย ไม่ยอมแสดงภาษาอังกฤษ และไม่มีบรรทัด Reading level:ให้คลิก
ให้แก้ไขดังนี้
ที่ Menu bar ไปที่
-Tools – Internet options – Languages – Add – English[en]
-(หรืออาจจะต้องคลิกที่ Thai – และคลิก Remove ด้วย)
-คลิก OK – OK
 

เพิ่มเติม: คลิก เว็บดาวน์โหลดหนังสือฟรี อีกหลายเว็บ
 

พิพัฒน์
www.facebook.com/e4thai
www.facebook.com/EnglishforThai
e4thai@live.com

[2207] ดูการ์ตูน Popeye และ Tom & Jerry

สวัสดีครับ
การดูการ์ตูน นอกจากสนุกแล้วยังช่วยพัฒนาทักษะการฟังภาษาอังกฤษอีกด้วย วันนี้ผมนำการ์ตูนเก่าที่เคยดูสมัยเด็ก ๆ จาก YouTube มาให้ท่านดู แม้จะเก่าแต่ก็ยังสนุกครับ
Popeye the Sailor
Tom & Jerry
 

ดูตัวอย่างสักหน่อยก็ได้ครับ

Popeye The Sailor Man - Aladdin and His Wonderful Lamp
 


Tom and Jerry - The Night Before Christmas
 

พิพัฒน์
www.facebook.com/e4thai
www.facebook.com/EnglishforThai
e4thai@live.com

[2206] รวม วีดิโอ ประวัติหลวงพ่อชา

สวัสดีครับ
ผมได้รวบรวมวีดิโอ ประวัติหลวงพ่อชา  ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ข้างล่างนี้ นี่คือทั้งหมดที่ผมพบเฉพาะส่วนที่เป็นประวัติ ไม่รวมคำสอน ท่านใดพบมากกว่านี้ ช่วยแจ้งด้วยนะครับ  ขอบคุณมากครับ


ภาษาไทย
ประวัติ หลวงพ่อชา วัดหนองป่าพง

ภาษาอังกฤษ 

โดยท่านพระอาจารย์ ชยสาโร (สมบูรณ์ที่สุด)
Video Series: Biography of Ajahn Chah

 










Life with Ajahn Chah (1 of 2) by Ajahn Nyanadhammo 
Life with Ajahn Chah (2 of 2) by Ajahn Nyanadhammo

Gratitude For Our Teacher (1 of 4) by Ajahn Sumedho
Gratitude For Our Teacher (2 of 4) by Ajahn Sumedho
Gratitude For Our Teacher (3 of 4) by Ajahn Sumedho
Gratitude For Our Teacher (4 of 4) by Ajahn Sumedho 

Ven.Ajahn Chah Uploaded by nobelpathfinder[ คลิก ดู script]
 
พิพัฒน์

 www.facebook.com/e4thai 
www.facebook.com/EnglishforThai 
e4thai@live.com

Monday, April 16, 2012

[2205] แนะนำ musicinthai.blogspot.com - เว็บแปลเพลง

 
สวัสดีครับ 
บล็อก e4thai.com ได้รวบรวมเว็บแปลเพลงสากลเป็นภาษาไทย ไว้ที่ลิงค์นี้ แปลเพลง 

มีท่านผู้อ่านแนะนำมาอีก 1 เว็บ คือเว็บ http://musicinthai.blogspot.com/ ซึ่งเนื้อหาของเว็บ คือ เนื้อเพลงแปล เนื้อเพลงสากล คำแปลเนื้อเพลงสากล คำแปลเพลงต่างประเทศ คอร์ดกีต้าร์ คอร์ดเพลง ฝึกภาษาอังกฤษผ่านเพลง ฟังเพลงใหม่ล่าสุด 
 
ผมมีคำแนะนำเดียว ที่ให้มาโดยตลอดเกี่ยวกับเว็บแปลเพลง คือ 
1.ท่านแปลเพลงด้วยตัวเองก่อน 
2.ดูคำแปลที่เว็บให้มา 
3.อย่าเพิ่งเชื่อทันที ว่าเว็บแปลถูกต้อง 100% เนื้อเพลงเดียวกัน อาจจะแปลได้หลายความหมาย หรือหลายสำนวน 


ขอขอบคุณมากครับ ท่านผู้อ่านที่แนะนำเว็บ http://musicinthai.blogspot.com/ 

พิพัฒน์ 
www.facebook.com/e4thai 
www.facebook.com/EnglishforThai 
e4thai@live.com

[2204] ชมการ์ตูนสนุก ๆ ฝึกภาษาอังกฤษ 70 เรื่อง


สวัสดีครับ
เชิญ ชม การ์ตูนสนุก ๆ ฝึกภาษาอังกฤษ 70 เรื่อง ที่ 3 ลิงค์นี้
Children's Stories page 1
Children's Stories page 2
Children's Stories page 3
ถ้าต้องการดาวน์โหลดคราวเดียวทุกเรื่องก็ คลิกที่นี่

ชมเพิ่มเติม:
[2202] ชม/ดาวน์โหลด story สนุก ๆ 40 เรื่อง (ไฟล์ swf)
 



พิพัฒน์
www.facebook.com/e4thai
www.facebook.com/EnglishforThai
e4thai@live.com

[2203] เมื่อท่านต้องเตรียมตัวเข้าประชุมกับคนต่างชาติ

สวัสดีครับ
เมื่อวันที่ 9-14 เมษายนนี้ ผมไปประชุม Technical Committee Meeting ของการแข่งขันฝีมือแรงงานอาเซียน ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย โดยการแข่งขันครั้งถัดไปที่จาการ์ตาจะจัดขึ้นในเดือนพฤษจิกายน 2553 ที่จะถึงนี้ ซึ่งถ้าไม่ติดขัดอะไรผมก็คงจะเดินทางพร้อมกับคณะเยาวชนซึ่งเป็นผู้แข่งขันจากประเทศไทยไปร่วมการแข่งขันด้วย ถ้าท่านต้องการทราบว่าเขาแข่งขันอะไรกันบ้าง ก็ คลิกที่นี่ครับ

ใน Technical Committee Meeting ครั้งนี้ เป็นการนำกรรมการของทุกสาขาที่จะแข่งขันมาตกลงกันในเนื้อหาทางเทคนิคที่จะใช้แข่งขัน ไปงวดนี้ผมมี 2 หน้าที่คือ เป็น Assistant Technical Delegate และเป็นล่ามสาขา ปูกระเบื้อง หรือ Wall and Floor Tiling ด้วย เจ้าภาพเขาจัดให้ไปดูอะไรนิด ๆ หน่อย ๆ พอเป็นกระสาย เวลาส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องประชุมครับ



ผมขอถือโอกาสนี้พูดถึงเรื่องการประชุมกับคนต่างชาติสักเล็กน้อยนะครับ ถือว่าเอาประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ มาเล่าสู่กันฟังแล้วกันครับ คุยกันเล่น ๆ อย่าถือเป็นเรื่องจริงจัง

งานราชการที่ผมทำอยู่นี้ ในส่วนที่เป็นการประชุมโดยใช้ภาษาอังกฤษนั้น บางครั้งก็ไปประชุมที่หน่วยงานข้างนอก บางครั้งชาวต่างประเทศก็เดินทางมาประชุมที่หน่วยงานของผม บางครั้งแขกจากต่างประเทศก็เดินทางมาประชุมที่กรุงเทพ บางครั้งเราก็เดินทางไปประชุมที่ต่างประเทศ สรุปก็คือ อาจจะเปลี่ยนสถานที่ประชุม, เปลี่ยนคนที่ร่วมประชุม, เปลี่ยนเรื่องที่ประชุม, แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนก็คือ ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการประชุม

ผมเดาว่า ไม่ว่าจะเป็นบริษัทเอกชนหรือหน่วยงานราชการ ในอนาคตอันใกล้นี้ เมื่อประเทศไทยเข้าสู่ยุคของ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2015 ท่านในฐานะพนักงานบริษัทหรือข้าราชการ คงต้องมีงานที่เกี่ยวข้องกับการประชุมกับเพื่อนอาเซียนมากขึ้น อาจจะเป็นงานเตรียมการประชุมหรือเป็นผู้เข้าร่วมประชุม หรือทั้งสองอย่าง และทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ต้องใช้ English skills อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะฉะนั้น คงต้องมีการเตรียมตัวกันตั้งแต่บัดนี้

ย้อนไปถึงหัวข้อที่ตั้งไว้ข้างบน คือ เมื่อท่านต้องเตรียมตัวเข้าประชุมกับคนต่างชาติ ท่านต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
ในความคิดเห็นของผมแบบลูกทุ่ง ๆ ซึ่งไม่ได้อิงหลักวิชาการใด ๆ ทั้งสิ้น เรื่องที่ต้องเตรียมตัวมี 2 เรื่อง คือ 1.เรื่องที่ต้องเตรียมตัวตลอดเวลา และ 2.เรื่องเฉพาะสำหรับการประชุมแต่ละครั้ง ขอว่าไปทีละเรื่อง ดังนี้ครับ
1.เรื่องที่ต้องเตรียมตัวตลอดเวลา นี่คือการเตรียมความพร้อมโดยทั่วไปซึ่งต้องเตรียมตลอดเวลา


1.1 ฝึกฟัง
สำหรับผมซึ่งค่อย ๆ เรียนรู้การเข้าประชุมกับคนต่างชาติจากงานที่ทำ ทีละนิดทีละหน่อย ผมรู้สึกว่า ทักษะการฟังนั้นสำคัญและต้องใช้มากกว่าทักษะการพูดด้วยซ้ำ ท่านคำนวณง่าย ๆ อย่างนี้ก็ได้ครับ ท่านอาจจะนั่งในที่ประชุม 3 ชั่วโมง คือ 180 นาที และถ้าท่านไม่ใช่ผู้สนทนาหลักในที่ประชุม ท่านอาจจะต้องพูดไม่ถึง 10 นาที แต่ต้องฟังตลอดเวลา 180 นาที และเรื่องของเรื่องก็คือ ถ้าท่านฟังได้รู้เรื่องน้อยหรือน้อยมาก เมื่อถึงเวลาที่ต้องพูด ท่านก็จะไม่ค่อยกล้าพูดอย่างมั่นใจ เพราะไม่แน่ใจว่าเรื่องที่จะถามหรือแสดงความคิดเห็นนั้น คนอื่นเขาพูดกันไปแล้วหรือยัง จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เคยเป็นผู้เข้าร่วมประชุมตัวเล็ก ๆ (ติดตามผู้บังคับบัญชา)ในการประชุมใหญ่ ๆ เช่น การประชุมองค์การแข่งขันฝีมือแรงงานนานาชาติ หรือ WorldSkills บ่อยครั้งที่ผมกลับบ้านด้วยการบ้านในใจว่า จะต้องฝึกฟังให้รู้เรื่องมากกว่านี้ สำหรับผู้พูดบางคนผมฟังรู้เรื่อง แต่บางคนผมได้แต่ถามตัวเองว่ามันพูดอะไรของมันวะ แต่การที่ได้เห็นว่าคนอื่น ๆ ในที่ประชุมก็เข้าใจสิ่งที่คน ๆ นั้นพูด ทำให้ผมต้องยอมรับความจริงว่า ที่ผมฟังไม่รู้เรื่องไม่ใช่เขาพูดไม่ดี แต่ผมต้องฝึกหูของตัวเองให้ฟังได้ดีกว่านี้
ผมพยายามฝึกฟังภาษาอังกฤษให้ได้ครึ่งชั่วโมงทุกวัน ในการเข้าร่วมประชุมครั้งหลัง ๆ ผมรู้สึกว่าตัวเองฟังได้รู้เรื่องมากขึ้น

ถ้าท่านถามว่า จะฝึกฟังอะไรล่ะให้มันตรงกับงานที่ทำ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการประชุม คำตอบก็คือ
หนึ่ง – ถ้าในหน่วยงานของท่านเขาจัดทำวีดิโอหรือมีคลิปภาษาอังกฤษเพื่อ present ชาวต่างชาติ ก็ศึกษาอันนั้นแหละครับ
สอง – ถ้าไม่มีวีดิโอหรือคลิปตามข้อหนึ่ง ก็ไปหาใน www.YouTube.com ซึ่งมีเยอะแยะให้เราฟัง มันอาจจะไม่ตรงนัก แต่ผมเชื่อว่ามีคลิปภาษาอังกฤษที่เกี่ยวข้องกับงานของท่านแน่ ๆ ให้ท่านฝึกฟังเพื่อศึกษาเนื้อหา ศัพท์ สำนวน ที่ท่านควรเก็บกักตุนเป็นทุนไว้ เช่น บริษัทของท่านขายผลิตภัณฑ์เครื่องครัว ท่านก็พิมพ์คำค้นว่า kitchenware, ถ้าขาย วัสดุก่อสร้าง ก็พิมพ์คำค้นว่า construction materials ลงไป, ถ้างานเกี่ยวกับเรื่องบัญชีก็พิมพ์คำว่า accountingลงไป, ถ้าต้องบรรยายเรื่องราวเกี่ยวกับจังหวัดอยุธยา ก็พิมพ์คำค้นว่า tourism ayutthaya เป็นต้น การค้นทำนองนี้ทำได้ไม่รู้จบครับ ลองดูเถอะครับ ขอรับรองว่า มีคลิปให้ท่านฝึกฟังแน่ ๆ ถ้าท่านไม่เหนื่อยง่าย ๆ

1.2 ฝึกอ่าน
ท่านผู้อ่านคงเคยมีประสบการณ์อย่างนี้บ้างนะครับ การที่เราฟังไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ อย่าว่าแต่ภาษาอังกฤษเลยครับ แม้แต่ภาษาไทยถ้าเป็นเนื้อเรื่องหรือศัพท์เทคนิคที่เราไม่คุ้นเคยก็ฟังไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เช่น ให้เราไปฟังการบรรยายวิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง ตรรกศาสตร์ ที่เราไม่คุ้นเคย มันเป็นภาษาไทยแท้ ๆ ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เมื่อเราจะต้องเข้าประชุมที่ใช้ภาษาอังกฤษ หากได้เตรียมอ่านเอกสารจนเข้าใจเนื้อหาและศัพท์แสงส่วนใหญ่ของการประชุมไว้ล่วงหน้า ก็จะช่วยเราได้เยอะทีเดียวในการเข้าใจการประชุม แม้ว่ามันจะเป็นภาษาอังกฤษก็เถอะ เพราะฉะนั้น ขอให้ท่านพยายามอ่านเอกสารภาษาอังกฤษทั่ว ๆ ไปที่เกี่ยวกับงานในหน้าที่ของท่านอยู่เรื่อย ๆ เมื่อถึงเวลาที่ท่านถูกมอบหมายให้เข้าประชุม ท่านจะไม่รู้สึกหนักใจมากนัก

คราวนี้มาถึงคำถามเดิม จะฝึกอ่านอะไรล่ะให้มันตรงกับงานที่ทำ เพื่อเตรียมตัวสำหรับการประชุม คำตอบก็คือ
หนึ่ง – ถ้าในหน่วยงานของท่านเขาจัดทำเอกสารภาษาอังกฤษเพื่อ present ชาวต่างชาติ หรือเป็นเอกสารทางวิชาการเพื่อการนี้ ก็ศึกษาอันนั้นแหละครับ
สอง – ถ้าไม่มีเอกสารตามข้อหนึ่ง หรือมีแต่ไม่พอ ก็หาได้จาก www.google.com แต่ถ้าท่านรู้สึกว่า การอ่านภาษาอังกฤษเป็นของยาก ผมขอแนะนำให้ท่านหาเอกสารภาษาอังกฤษง่าย ๆ มาศึกษา จะได้ไม่รู้สึกท้อ ส่วนวิธีหาภาษาอังกฤษง่ายๆ มาอ่าน ผมเคยแนะนำไว้แล้ว คลิกที่นี่ครับ

1.3 ฝึกเขียน
สำหรับผม งานเขียนเพื่อเตรียมการประชุม เป็นเรื่องที่ต้องทำก่อนเข้าประชุม เช่น เตรียม paper หรือ PowerPoint presentation หรือเตรียม speech พูดในช่วงเปิด-ปิดการประชุม แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมขอบอกก็คือ การฝึกเขียนคือการฝึกพูดด้วยมือ ซึ่งถ้าเขียนคล่องด้วยมือจะช่วยให้เราพูดคล่องขึ้นด้วยปากเมื่อถึงเวลาต้องพูด
การฝึกเขียนไดอะรี่วันละ 1 ย่อหน้า (หรือ 1 หน้า) โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับงานที่ทำ เป็นกิจกรรมที่ควรฝึกทำครับ



1.4 ฝึกพูด
ผมได้ยินหลายคนพูดว่า ไม่ค่อยได้พูดก็เลยพูดไม่ค่อยได้ ในปีหนึ่ง 365 วัน มีจำนวนวันที่ต้องพูดภาษาอังกฤษในงานไม่กี่วัน พอถึงวันที่ต้องพูดจึงติดขัดพูดไม่คล่อง ถ้าได้พูดทุกวันหรือทุกสัปดาห์ก็ไปอย่าง แต่นี่นาน ๆ จะพูดสักที พูดแต่ละทีจึงต้องนึกนาน

ผมขอแนะนำให้ท่านเลือกอ่านบทความที่ ลิงค์นี้ และเลือกฝึกพูดตามวิธีที่ท่านสะดวกและชอบ ไม่ต้องหักโหมฝึก แต่ควรฝึกทุกวัน อย่างน้อยวันละ 15 นาที ถ้าท่านหาเวลา 15 นาทีนี้ไม่ได้จริง ๆ ท่านก็ต้องตื่นเร็วขึ้น หรือนอนดึกขึ้น หรือตัดเวลาที่ทำกิจกรรมอื่นออกไป 15 นาที เพื่อจะได้มีเวลาวันละ 15 นาทีเพื่อการฝึกพูด

ในเรื่องนี้ ผมขอเสนอเพิ่มเติม วลีที่ใช้บ่อยในการประชุม ให้ท่านศึกษาและฝึกพูด ที่ 2 ลิงค์นี้ครับ
English for Meeting
Useful Phrases for Running a Business Meeting

คราวนี้มาถึงหัวข้อที่ 2. คือการเตรียมตัวสำหรับการประชุมแต่ละครั้ง


ในหัวข้อที่หนึ่ง เราได้พูดถึงการเตรียมความพร้อมโดยทั่วไปซึ่งต้องเตรียมตลอดเวลา ถ้าเปรียบเป็นนักมวยก็เหมือนการฟิตร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ และฟิตซ้อมตาม step ปกติ เช่น ซ้อมกับกระสอบทราย หรือ punching ball เป็นต้น ส่วนในข้อที่ 2 นี้ คือการเตรียมเฉพาะเจาะจงสำหรับการเข้าประชุมแต่ละครั้ง เปรียบเหมือนการศึกษาคู่ต่อสู้ที่ต้องชกแต่ละครั้ง และเตรียมซ้อมเพื่อชกชนะให้ได้

อันดับแรกที่สุด ก็คือเตรียมตัวให้ถูกต้องกับหน้าที่ของท่านในการประชุม คือท่านอาจจะเป็นประธานการประชุม, เป็นผู้เข้าร่วมประชุม, หรือเป็นผู้สังเกตการณ์เฉย ๆ 

  ถ้างานหลักของท่านในที่ประชุมคือการพูดนำเสนอ ลิงค์ข้างล่างนี้น่าจะเป็นประโยชน์
การนำเสนองาน (presentation)
[1] การ present งานเป็นภาษาอังกฤษในที่ประชุม
[1401]การ present งานเป็นภ.อังกฤษใน/นอกที่ประชุม [2]
[1534] English for Presentations
ฟังบทเรียน online ความยาว 40-50 นาที หัวข้อ Create your first presentation ซึ่งจัดทำโดย Microsoft คลิก

เรื่องการเตรียมตัวพูดในที่ประชุมนี่นะครับ เราคงจะต้องประเมินว่า วิธีใดที่เหมาะกับเราที่สุด ผมเคยเข้าประชุมกับชาวมาเลเซียคนหนึ่ง เขาเตรียม PowerPoint มาแผ่นเดียว เป็น diagram และก็พูดนำเสนอครึ่งชั่วโมงด้วย PowerPoint แผ่นเดียวนี่แหละ แต่เขาพูดน่าฟังและคล่องมาก เนื่องจากเขาแน่นทั้งเนื้อหาและภาษา

ผมก็เคยเห็นคนไทยบางคนที่แน่นเรื่องเนื้อหาแต่ไม่แน่นเรื่องภาษาเหมือนผู้ประชุมที่มาจากมาเลเซีย สิงคโปร์ หรือฟิลิปปินส์ อย่างไรก็ตาม เขาก็เตรียม PowerPoint ฉายบนจอ และเตรียม script เพื่อ “อ่าน” อธิบาย PowerPoint ไปทีละสไลด์ ผมเห็นว่าการทำอย่างนี้ก็ใช้ได้ครับ ประเด็นที่สำคัญก็คือ รูปแบบและเนื้อหาในสไลด์ และน้ำเสียง-อารมณ์การนำเสนอที่น่าเบื่อหรือน่าฟัง นี่ต่างหากที่ควรเอาใจใส่ แม้ว่าเราจะ present ในที่ประชุมโดยการอ่านบท ก็ไม่เป็นไรครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพวกเราที่ยังไม่แน่นปึ๊กด้านภาษาอังกฤษ

ผมมีอีก 1 ประเด็นเล็ก ๆ ที่ขอเสนอ คือ เราควรพูดให้ ชัดเจนและกระชับ โดยใช้ศัพท์ง่าย ๆ ที่เข้าใจได้ทันทีและประโยคที่ไม่ยาวเกินไป ถ้ามีหลายประเด็น การพูดกำกับไปว่าเป็น ข้อ 1, 2, 3…. มีประโยชน์มาก ผมเคยเข้าประชุมและเจอบางคนที่ทำตรงกันข้าม คือ พูดยาวและอ้อมค้อม จนจับไม่ถูกว่าเขาต้องการบอกอะไร การที่เราพูดภาษาอังกฤษไม่เก่งมาก แต่สามารถพูดให้กระชับ โดยใช้ประโยคและศัพท์ที่เข้าใจง่ายและชัดเจน อาจจะเป็นการพูดในที่ประชุมที่มีประสิทธิภาพมากกว่า คนที่พูดเก่ง แต่พูดอ้อมค้อม ไม่ตรงจุด แต่ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ จะทำได้ก็ด้วยการเตรียมตัวมาดีครับ


ผมคงจะมีเรื่องคุยแค่นี้ แต่อยากให้ท่านที่เคยเข้าประชุมกับคนต่างชาติ เขียนอะไรมาเล่าให้ฟังบ้าง จะได้เป็นประโยชน์ร่วมกัน

พิพัฒน์
www.facebook.com/e4thai
www.facebook.com/EnglishforThai
e4thai@live.com

Sunday, April 15, 2012

[2202] ชม/ดาวน์โหลด story สนุก ๆ 40 เรื่อง (ไฟล์ swf)

สวัสดีครับ

สื่อการเรียนภาษาอังกฤษที่เป็นไฟล์ swf หรือ Shockwave Flash เป็นสื่อที่น่าสนใจมาก เพราะสามารถทำให้เนื้อเรื่อง หรือ story ที่สนุกเพิ่มความสนุกขึ้นไปอีก ด้วยภาพ, ภาพเคลื่อนไหว, และเสียง

ลองคลิกดูตัวอย่างดูก็ได้ครับ เรื่อง Best Excuse

วันนี้ผมมีไฟล์ swf 40 เรื่องมาให้ท่านเรียนภาษาอังกฤษอย่างสนุก ๆ
คลิก Story ชุดFlash books Grade 1-4

ท่านอย่าเพิ่งดูแคลนว่าเป็นเรื่องเด็ก ๆ เกินไปนะครับ วิธีทดสอบว่า story เรื่องใดง่ายหรือเด็กเกินไปสำหรับท่านหรือไม่ ขอให้ท่านทดสอบผ่านทั้ง 4 ข้อดังนี้
1.ท่านอ่านรู้เรื่อง (ข้อนี้สอบผ่านได้ไม่ยาก)
2.ท่านฟังรู้เรื่องได้โดยไม่ต้องดูตัวหนังสือ ( ข้อนี้อาจจะยากขึ้นมาสักนิด)
3.ท่านเขียนเล่าเรื่องได้โดยใช้สำนวนภาษาอังกฤษของท่าน
4.ท่านพูดเล่าเรื่องได้โดยใช้สำนวนภาษาอังกฤษของท่าน 

ถ้าท่านผ่านแค่ข้อ 1 เพียงข้อเดียว ยังถือว่าสอบไม่ผ่าน และ story แบบเด็ก ๆ ก็ยังมีประโยชน์สำหรับท่านอยู่นะครับ
 

ถ้าเน็ตท่านเร็ว เชิญท่าน คลิกดาวน์โหลดไฟล์ swf ทั้ง 40 เรื่อง (175.8 MB) ได้เลยครับ
password ตอน unzip = englishtips.org

แต่ถ้าเน็ตช้า หรือต้องการชมทีละเรื่องก็คลิกลิงค์นี้เพื่อ เปิดไฟล์ online หรือ ดาวน์โหลด ทีละเรื่อง

อนึ่ง ท่านอาจจะต้องดาวน์โหลดโปรแกรมข้างล่างนี้เพื่อเปิดไฟล์ swf
SWFOpener
Adobe Flash Player 


ในบล็อกนี้ ผมได้รวบรวมไฟล์ swf ไว้ที่นี่ครับ
[2175] วิธีหาไฟล์ swf เพื่อการฝึกภาษาอังกฤษ (Cambr...
[1499] การหาไฟล์ flash เพื่อการศึกษาภาษาอังกฤษ
[1392]รวม ด/ล ไฟล์ Flash เพื่อการเรียนภาษาอังกฤษ
 

พิพัฒน์
www.facebook.com/e4thai
www.facebook.com/EnglishforThai
e4thai@live.com

[2201] ภาษาอังกฤษสำหรับการดูแลสุขภาพ


สวัสดีครับ
ผมเคยเขียนแนะนำเรื่องทางการแพทย์และสุขภาพ ที่ลิงค์นี้


-สำหรับแพทย์


-สำหรับคนไข้ และทุกคนที่ห่วงใยสุขภาพของตัวเอง

วันนี้ผมมีมาเพิ่มเติม เป็นเว็บเกี่ยวกับโรคและสุขภาพ เป็นภาษาไทย เนื้อหาน่าสนใจและมีประโยชน์ครับ




มีอีกอย่างหนึ่งที่ผมขอแนะนำเป็นพิเศษก็คือ การศึกษาหาความรู้เรื่องโรคต่าง ๆ จากวีดิโอ ซึ่งน่าจะช่วยให้เข้าใจและจำง่ายกว่าการอ่าน
-ไปที่ลิงค์นี้ http://th.wikipedia.org/wiki/หมวดหมู่:โรค
-คลิกที่ชื่อโรคภาษาไทย ซึ่งเมื่อเข้าไปแล้ว จะมีชื่อโรคภาษาอังกฤษบอกไว้ด้วย
-ไปที่ www.YouTube.com , พิมพ์ชื่อโรคลงไป เป็นภาษาไทย หรือ ภาษาอังกฤษ ก็ได้ ตามแต่ท่านต้องการ
-จะมีวีดิโอเกี่ยวกับโรคนั้นให้ท่านเลือกคลิกชม
-คลิกที่คลิปที่เกี่ยวข้อง ในคอลัมน์ขวามือเพื่อศึกษาเพิ่มเติม

วีดิโอพวกนี้ นอกจากให้ความรู้เกี่ยวกับโรค สาเหตุของโรค วิธีป้องกันและรักษาโรคโดยทั่วไป  บางคลิปจะมีการแทรกโฆษณายาหรือสินค้าอย่างแนบเนียนหรือโฉ่งฉ่าง ซึ่งอาจจะเป็นการโฆษณาเกินจริงก็ได้  อย่างไรก็ตาม ขอให้ท่านศึกษาเพื่อความรู้ทางด้านสุจภาพ และเพื่อศึกษาภาษาอังกฤษแล้วกันครับ ส่วนเรื่องโฆษณาที่แทรกเข้ามานั้น  ขอให้ท่านใช้วิจารณญาณของตัวเอง

พิพัฒน์
www.facebook.com/e4thai
www.facebook.com/EnglishforThai
e4thai@live.com

Thursday, April 5, 2012

ผมขอลางาน 1 สัปดาห์นะครับ, 
ไปประชุมที่ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย 
กลับเมืองไทยวันเสาร์ที่ 14 เมษายน 
ขอให้ทุกท่าน สนุกอย่างปลอดภัย กับสงกรานต์บ้านเรานะครับ 
พิพัฒน์

[2196]ยูเอ็นจัดอันดับความสุขประเทศทั่วโลก เดนมาร์กแชมป์-ไทยคว้าที่ 52




สวัสดีครับ
ยูเอ็นจัดอันดับความสุขประเทศทั่วโลก เดนมาร์กแชมป์-ไทยคว้าที่ 52
อ่านที่นี่ครับ

ข่าวเดียวกัน แต่เป็นภาษาอังกฤษ อ่านที่นี่ครับ

ท่านลองอ่านเนื้อข่าวที่น่าสนใจ 2 ย่อหน้านี้ดูซีครับ
It's not hard to notice that the unhappiest countries are also some of the poorest.The four happiest countries have incomes that are 40 times higher than the four unhappiest countries, the report said. People can also expect to live 28 years longer in the happiest nations.
But economic growth doesn't necessarily drive up happiness, the report found. For instance, U.S. incomes have grown dramatically since the 1960s, yet average happiness hasn't changed, past research has found. Freedom and trust in government are also big factors in happiness, the report said.

ดาวน์โหลดเอกสารภาษาอังกฤษฉบับสมบูรณ์

พิพัฒน์

Monday, April 2, 2012

[2193]สูตรรักษาหุ่นของ อองซาน ซูจี


สวัสดีครับ
ผมได้เนื้อข่าวนี้มาจาก Bangkok Post เมื่อวานนี้
อองซาน ซูจี อายุ 66 ปี
เธอสามารถรักษาน้ำหนักให้คงอยู่ที่ 48 กก.ได้อย่างดีเยี่ยม
เธอไม่กินสัตว์สี่เท้า กินแต่ไก่และปลา หมอจึงแนะให้เธอกินปลาเพิ่มขึ้นอีกเพราะเธอชอบซีฟูด เธอกินเฉพาะไข่ขาว (ไม่กินไข่แดง)
Mrs Suu Kyi, 66,
"She is brilliant in maintaining her weight at 106 pounds [48kg]," he said.
She avoids animals with four legs. "Just chicken and fish _ I asked her to eat more fish because she likes seafood. She eats only the white parts of the egg," he said.

 ท่านใดต้องการอ่านข่าวเต็ม  เชิญที่ข้างล่างนี้ครับ.....

The doctor behind the lady

Aung San Suu Kyi has defied Myanmar's generals for decades. But there's one man whose orders she usually follows: Tin Myo Win, her doctor.

  • Published: 1/04/2012 at 12:00 AM
  • Newspaper section: topstories
A VERY SPECIAL GUEST: Aung San Suu Kyi speaks at the wedding of her doctor Tin Myo Win.

Behind the scenes, Tin Myo Win has played a key role in the National League for Democracy's (NLD) first election campaign in 22 years, checking party leader Mrs Suu Kyi's health every Monday and Thursday and advising on whether she should travel.

Last week, he urged her not to travel after she fell ill while campaigning in Myeik in southern Myanmar.

"The problem is the workload," Tin Myo Win said. "She can't rest enough. It's partly because of her age and also because of the weather."

Mrs Suu Kyi, 66, has fallen ill twice on the campaign trail, most recently vomiting and suffering low blood pressure. Temperatures have regularly reached 38C in many parts of Myanmar.

In 2003, while under house arrest, Mrs Suu Kyi had major surgery, Tin Myo Win said, but he declined to give details, citing patient confidentiality.

Despite new fears for her health, Tin Myo Win couldn't stop Mrs Suu Kyi from taking one last-minute campaign trip on the eve of Myanmar's historic by-election today. She left Yangon at 4pm yesterday for the three-hour drive to Kawhmu Township, where she is running against two opponents.

"Even if she feels exhausted, she didn't express any pain," her doctor said in a rare interview on Friday between operations at the Muslim Free Hospital in Yangon.
NLD sources said Tin Myo Win advised against travelling this weekend, but Mrs Suu Kyi refused to stay put.

She was scheduled to spend the night in a village in Kawhmu and tour some voting stations early this morning. She was planning to return to Yangon before noon.

Myanmar is holding its first election since 2010, when the pro-military Union Solidarity and Development Party won an overwhelming victory in what was seen as a widely rigged poll. 

The NLD boycotted, but decided to take part this time after Mrs Suu Kyi became convinced the new civilian government was sincere in making reforms. Across the country, 45 seats are up for grabs.

Tin Myo Win, 61, and his wife are the only ones who regularly visited Mrs Suu Kyi during her years of house arrest, and got to know her well.

"She is brilliant in maintaining her weight at 106 pounds [48kg]," he said.
He said he has been pushing Mrs Suu Kyi to eat more meat for a balanced diet. She avoids animals with four legs. "Just chicken and fish _ I asked her to eat more fish because she likes seafood. She eats only the white parts of the egg," he said.

Tin Myo Win earned his medical degree in 1975 from the Institute of Medicine in Yangon and later became a surgeon. His specialty is gastrointestinal disorders. He was also once a politician.

He first met Mrs Suu Kyi in September 1988 and his long-time friendship with the democracy icon was evident in February, when Tin Myo Win married Pyone Mo Ei. Mrs Suu Kyi paid for the lavish wedding at the five-star Trader's Hotel.

Tin Myo Win cares for many other activists, politicians and former political prisoners, but he said Mrs Suu Kyi stands out. "She is the best patient," Tin Myo Win said. "No one can endure pain like her."

About the author

Writer: Nyein Nyein Naing
แหล่ง: http://www.ww.bangkokpost.net/lite/topstories/286902/the-doctor-behind-the-lady