สวัสดีครับ
เพื่อนคนหนึ่งขอร้องให้ผมเขียนเรื่องการใช้คำศัพท์ เขาจะนำเอาไปส่งพิมพ์ในวารสารของเขา ผมนึกอะไรไม่ออกก็เลยเขียนวิธีการใช้คำว่า “Excuse me” และขอนำเอามาลงที่บล็อกนี้ด้วย โดยขอเล่าอะไรเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย
สำหรับแหล่งค้นคว้าก็หาง่ายมาก เพียงเปิดดิกอังกฤษ-อังกฤษสำหรับผู้ศึกษาภาษาอังกฤษที่เรียกว่า learner's dictionary ก็จะพบอย่างง่ายดาย ในบล็อกนี้ผมได้รวบรวม learner's dictionary ไว้ที่ 2 ลิงค์นี้ Homepage แนะนำ และ เปิดดิก
สำหรับแหล่งค้นคว้าก็หาง่ายมาก เพียงเปิดดิกอังกฤษ-อังกฤษสำหรับผู้ศึกษาภาษาอังกฤษที่เรียกว่า learner's dictionary ก็จะพบอย่างง่ายดาย ในบล็อกนี้ผมได้รวบรวม learner's dictionary ไว้ที่ 2 ลิงค์นี้ Homepage แนะนำ และ เปิดดิก
ผมอยากจะชักชวนทุกท่านที่ต้องการสร้างพื้นฐานด้านภาษาอังกฤษให้แน่น ๆ ฝึกใช้ดิก learner's dictionary ให้คล่องแคล่วเหมือนกับที่ท่านใช้ดิก อังกฤษ – ไทย แล้วท่านจะเห็นชัดว่า learner's dictionary แบบ อังกฤษ – อังกฤษ มีคุณสมบัติมากมายที่ดิก อังกฤษ – ไทย ไม่มี หรือไม่สามารถจะมีได้ เช่น
1) learner's dictionary ให้ความหมายของคำศัพท์ที่ถูกต้อง ละเอียด ชัดเจน เจาะจง มากกว่า, ศัพท์ใหม่ ๆ หรือความหมายใหม่ ๆ ก็มีมากกว่า
2) learner's dictionary มีคำอธิบาย และประโยคตัวอย่าง ที่ช่วยให้เราเข้าใจความหมายของศัพท์ เมื่อเราอ่านหรือฟัง และวิธีนำคำศัพท์ไปใช้เมื่อเราต้องพูดหรือเขียน, ดิกอังกฤษ – ไทย ไม่ค่อยมีอย่างนี้ หรือมีก็แค่นิดหน่อย
3)เมื่อเราฝึกใช้ learner's dictionary แบบ อังกฤษ – อังกฤษ ไปนาน ๆ จะเป็นวิธีหนึ่งที่ได้ผลชะงัดมากในการช่วยให้เราฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก เมื่อเราจะพูดหรือเขียน เพราะมันจะ start เป็นภาษาอังกฤษที่สมอง และไหลออกจากมือและจากปากเป็นภาษาอังกฤษไปเลย โดยไม่ต้องตั้งต้นเป็นภาษาไทยในสมองให้เสียเวลา
ผมเริ่มใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ ตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยม ฝึกใช้อยู่หลายปีกว่าจะคล่อง แต่ก็เป็นการลงทุนที่คุ้นค่าที่สุด ผมขอเสนอว่า ให้ท่านเริ่มฝึกโดยพิมพ์คำศัพท์ที่ท่านรู้ความหมายอยู่แล้วลงไป เช่น dog, cat, book, chair, love, computer และอ่านความหมายที่ดิกให้ไว้, เราจะเห็นสไตล์การใช้ภาษาอังกฤษในการอธิบายศัพท์ต่าง ๆ เมื่อฝึกบ่อย ๆ ก็จะค่อย ๆ คล่องขึ้น ผลดีที่พลอยได้โดยไม่รู้ตัวก็คือ เราสามารถจดจำวิธีการอธิบายคำศัพท์จากดิก นำเอาไปใช้ในการพูดและเขียนภาษาอังกฤษ, จนท่านอาจจะทำให้ตัวเองและคนอื่นประหลาดใจว่าทำไมท่านพูดและเขียนได้คล่องขึ้น [เฉพาะในแง่นี้ผมขอแนะนำดิก อังกฤษ – อังกฤษ เล่มนี้เป็นพิเศษ -Cobuild เพราะเขาใช้ประโยคเต็ม ๆ ในการอธิบายศัพท์ทุกคำ ท่านศึกษาเพียงวันละ 7 คำ – 7 ประโยค ก็สามารถเห็นผลได้ภายใน 7 วัน]
เรื่องที่เล่ามาทั้งหมดนี้ หากท่านใดไม่เคยลองฝึก ก็อาจเหมือนคนที่ไม่เคยเดินขึ้นภูกระดึงและฟังคนอื่นเล่า มันเห็นภาพไม่ชัดหรอกครับ, ต่อเมื่อท่านได้เดินด้วยตัวเองจึงจะรู้ว่าเหนื่อยแต่คุ้มค่าเหนื่อย, เมื่อท่านได้ฝึกใช้ดิกอังกฤษ-อังกฤษด้วยตัวเอง ท่านก็จะรู้ว่า แม้อาจจะเหนื่อยบ้าง แต่ก็คุ้มค่าเช่นกัน คุ้มค่าจริง ๆ ครับ
เอาละครับ มาถึงคำว่า Excuse me ที่ผมพูดไว้ตอนต้นแล้ว ผมค้นมาจากดิกที่ผมบอกแล้ว จากหน้านี้:
ส่วนคำอธิบายเป็นภาษาไทยข้างล่างนี้ ก็มาจากหน้าดิกข้างบนนี้แหละครับ ซึ่งผมขอย้ำอีกครั้งว่า ในกรณีที่ท่านพบปัญหาในการใช้ศัพท์คำใดก็ตาม ก็อาศัยดิกพวกนี้แหละครับเป็นอาจารย์ ท่านจะไม่ผิดหวังเลยครับ ขอเพียงท่านยอมลงทุนสักพักหนึ่งในการฝึกใช้ให้คล่องเท่านั้นแหละ
*********
*********
เชิญครับ.....
excuse me อ่านว่า “อิกสคี้วซฺมี”น่าจะตรงกับคำในภาษาไทยว่า “ขอโทษครับ” หรือ “ขอโทษค่ะ” เป็นคำกล่าวนำที่สุภาพ ก่อนที่จะตามด้วยประโยคขอโทษ หรือ ขอร้อง อะไรสักอย่าง
ในภาษาอังกฤษ ใช้ excuse me ใน 7 กรณีต่อไปนี้
1.ใช้กล่าวดึงความสนใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากคนที่เราไม่รู้จัก
อย่างเช่น เมื่อไปต่างถิ่นและถามทาง
ก็พูดว่า “Excuse me, is this the way to the station?” (ขอโทษครับ/ค่ะ ทางนี้ไปสถานีใช่ไหมครับ/ค่ะ)
หรือจะถามเวลาก็พูดว่า “Excuse me, do you know what time it is?” (ขอโทษครับ/ค่ะ ทราบไหมครับ/คะ ตอนนี่กี่โมงแล้ว)
2 ใช้พูดขอทาง
เช่น “Excuse me, could you let me through?” (ขอโทษครับ/ค่ะ ขอทางหน่อยนะครับ/คะ)
3.พูดขอโทษที่ทำอะไรไม่สุภาพเล็ก ๆ น้อย
เช่น หลังจากจามเสียงดังออกไป ก็พูดว่า ‘Excuse me,’
หรือ ทำอะไรที่รบกวนคนอื่นบ้าง
เช่น Excuse me, but do you mind if I shut the window? (ขอโทษครับ/ค่ะ คุณจะรังเกียจไหมครับ/คะ ถ้าผม/ดิฉัน จะขอปิดหน้าต่าง)
4 ใช้เมื่อจะพูดไม่เห็นด้วย
เช่น Excuse me, but I don't think that's true. (ขอโทษครับ/ค่ะ แต่ผม/ดิฉันคิดว่า เรื่องนั้นคงไม่จริง)
หรือ “Excuse me, but I never said I’d pay for everything.” (ขอโทษนะครับ/ค่ะ แต่ผม/ดิฉัน ไม่เคยพูดนี่ครับ/คะว่าจะจ่ายทุกอย่าง )
5.พูดขอตัวเวลาที่จะลุกออกไปหรือไปพูดกับคนอื่น
เช่นพูดว่า ‘Excuse me for a moment,’ (ขอโทษครับ/ค่ะ ขอตัวเดี๋ยวนะครับ/คะ) แล้วก็ลุกออกไป
หรือ “Excuse me for a moment – I have to make a phone call.” (ขอโทษครับ/ค่ะ ขอตัวโทรศัพท์เดี๋ยวนึงนะครับ/คะ)
6 ใช้พูดเวลาที่เผลอไปกระทบหรือชนคนอื่น (เป็น American English)
เช่น Oh, excuse me. I didn't see you there. (โอ! ขอประทานโทษครับ/คะ ผม/ดิฉัน ไม่ทันเห็นว่าคุณอยู่ตรงนั้น)
7. ใช้พูดเพื่อให้เขาพูดซ้ำ(เป็น American English, ถ้าเป็น British English ใช้ Pardon me )
เช่น “Excuse me? I didn't hear the last part of what you were saying.” (ขอโทษครับ/ค่ะ ตอนท้ายคุณพูดว่ายังไงนะครับ/คะ ผม/ดิฉัน ฟังไม่ทัน)
No comments:
Post a Comment