Friday, January 12, 2007

[29] ซื้อดิกพกติดตัวไว้สักเล่มก็ดีนะครับ

สวัสดีครับ
เมื่อพูดถึงการเปิดดิก หลายคนอาจรู้สึกคล้ายๆ ต้องไปโรงพยาบาล ถ้าไม่เจ็บป่วยก็ไม่เข้า ดิกก็เช่นกัน ถ้าไม่ติดศัพท์-ก็ไม่เปิดดิก ดิกกับโรงพยาบาลก็เลยไม่ต่างกัน คือ โรงพยาบาลที่ดีต้องรักษาได้ทุกโรค ดิกที่ดีต้องมีศัพท์ทุกคำที่เปิดค้น จึงมีขนาดหนาเตอะ และไม่ใช่สิ่งที่จะพกติดตัว เพราะหนักกระเป๋า

ผมกำลังจะเสนอว่า จริงๆแล้ว การคบดิกเป็นเพื่อนไว้ก็ไม่เสียหลาย เราน่าจะหาดิกพกติดกระเป๋าไว้สักเล่ม ขนาดไม่ใหญ่นัก และให้ดิกเป็นเพื่อนฝรั่งช่วยสอนภาษา ฆ่าเวลาขณะยืนหรือนั่งที่ป้ายรถเมล์ หรือรถโดยสาร รอเพื่อนในห้าง หรือที่ล็อบบี้โรงแรม หรือนั่งนานในห้องน้ำเพราะท้องผูก ฯลฯ โดยดิกดังกล่าวควรมีบุคลิกลักษณะดังต่อไปนี้
1. ไม่หนาและไม่หนักเกินไป เพราะเราจะขี้เกียจถือและเกะกะเนื้อที่ในกระเป๋าถือตอนพกพา
2. ไม่มีศัพท์มากเกินไป ให้มีแต่ศัพท์พื้นฐานที่ส่วนใหญ่ต้องพบเห็นในชีวิตประจำวัน เมื่อฟังข่าวหรืออ่านหนังสือพิมพ์ หรือเมื่อต้องหาศัพท์มาใช้เวลาพูดหรือเขียน พูดง่ายๆ ก็คือ เราสามารถจำศัพท์คำไหนก็ได้ในดิกเล่มนี้ และคุ้มค่ากับที่ลงทุนจำ เนื่องจากมีโอกาสบ่อยในการเอาไปใช้ ฟัง-อ่าน-พูด-เขียน ไม่ใช่ศัพท์เฉพาะทางที่เฉพาะบางคนเท่านั้นรู้เรื่อง เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเล่มใหญ่นัก
3. มีตัวอย่างประโยคให้เราดู ประเด็นนี้สำคัญมาก สมมุติเราเปิดหาความหมายของคำว่า fat ซึ่งดิกแปลว่า “อ้วน,ใหญ่,มั่งคั่ง” ซึ่งช่วยให้เราเข้าใจเวลาได้ยินคนพูด หรืออ่านพบคำว่า fat แต่ถ้าเราต้องเอาคำว่า fat ไปพูดหรือเขียน ประโยคตัวอย่างที่ดิกให้ไว้นี่แหละครับ จะช่วยเรา ยกตัวอย่าง
=อ้วน เช่น He was of average height, but was very fat. (เขาสูงพอๆ กับคนอื่นๆ แต่อ้วนมาก)
=ใหญ่ เช่น I have a fat nose. (จมูกฉันใหญ่)
=มั่งคั่ง เช่น If the company continues growing, I will be very fat in 2009. (ถ้าธุรกิจของบริษัทยังโตแบบนี้ไปเรื่อยๆ ในปี 2009 ผมรวยแน่)

ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดก็คือ ตัวอย่างที่เราอ่านเจอในดิก จะทำให้เราเห็นวิธีการแต่งประโยค ทำให้เราพอจะพูดหรือเขียนได้ถ้าถึงเวลาต้องใช้งาน ยิ่งถ้าเราฝึกอ่านออกเสียงประโยคนั้นๆ ก็จะยิ่งดีขึ้นไปอีก การอ่านออกเสียงให้ตนเองหรือให้เพื่อนใกล้ชิดได้ยิน ถือเป็นการซ้อมที่ดีก่อนสนทนากับคนต่างชาติจริงๆ

ผมรวบรวมดิกที่มีบุคลิกลักษณะทั้ง 3 ประการข้างต้นมาแนะนำไว้ข้างล่างนี้ (มิได้รับค่าโฆษณาใดๆ ทั้งสิ้นครับ) บางเล่มอาจจะหนานิดนึง แต่ก็พอจะพกไหว

ถ้ามีโอกาสแวะไปที่ร้านหนังสือ ลองเข้าไปพลิกๆ ดูหน่อยซิครับ เลือกซื้อได้ซักเล่มนึง แล้วพกติดตัวไว้เป็นประจำ พลิกอ่านบ่อยๆ ฆ่าเวลา เวลารอเพื่อน รอรถ ฯลฯ ไม่เท่าไรก็เก่งภาษาอังกฤษครับ

เล่มที่ 1 : P. SETHAPUTRA ENGLISH-THAI DICTIONARY of Contemporary Usage (พจนานุกรม อังกฤษ-ไทย พ. เสถบุตร เพื่อการใช้ภาษาร่วมสมัย)/โดย พ. เสถบุตร/ 1141 หน้า/เล่มใหญ่ 695 บาท, เล่มเล็ก 225 บาท

เล่มที่ 2 : DICTIONARY in ACTION ENGLISH-THAI BY EXAMPLE USAGE (3 in 1)/ โดย สำราญ คำยิ่ง/919 หน้า/160 บาท

เล่มที่ 3 : พจนานุกรมตัวอย่างประโยค/วลีภาษาอังกฤษ พร้อมคำแปล (ENGLISH BY EXAMPLE)/โดย วงศ์ วรรธนพิเชฐ/951 หน้า/445 บาท (มีเว็บให้ศึกษา/ฝึกหัด/ทดสอบ ที่นี่ครับ: http://www.dicthai.com/dt_test01.html )

เล่มที่ 4 : Oxford Wordpower Dictionary For Thai Learners ฉบับอังกฤษ-ไทย/สุไร พงษ์ทองเจริญ และคณะ ให้คำนิยามภาษาไทย พร้อมทั้งเพิ่มเติมคำแนะนำและข้อสังเกต/ 948 หน้า/395 บาท

เล่มที่ 5 : PASSPORT English-Thai Dictionary, English-Thai Learner’s Dictionary/ภาวิณี ธีรคุปต์ บรรณาธิการ/494 หน้า/198 บาท

เล่มที่ 6 : Oxford Basic English Dictionary พจนานุกรมเบื้องต้น อังกฤษ-ไทย/ศ.ทักษิณา สวนานนท์ แทรกคำอธิบายศัพท์เป็นภาษาไทย/328 หน้า/99 บาท

เล่มที่ 7 : ENGLISH-THAI DICTIONARY พจนานุกรมอังกฤษ-ไทย/โดย อาจารย์ธง วิทัยวัฒน์/515 หน้า/75 บาท

เล่มที่ 8 : English-Thai Dictionary For Student พจนานุกรมอังกฤษ-ไทย สำหรับนักเรียน/ โดย ปกรณ์ คุณสาระ/384 หน้า/75 บาท

ทั้ง 8 เล่มนี้ บางเล่มนอกจากมีประโยคตัวอย่างแล้ว ยังแปลตัวอย่างนั้นเป็นภาษาไทยอีกด้วย น่าสนใจมากครับ
พิพัฒน์

2 comments:

Unknown said...

ขอแนะนำอีกเล่มที่ใช้ได้จริงและมีประโยชฯมากๆ คือพจนานุกรมอังกฤษ-อังกฤษของ Collin Cobuild ใช้ภาษาง่ายที่นักเรียนไทยอ่านเข้าใจได้และตัวอย่างที่จะทำให้นำไปใช้ได้ทันที ใช้มาตั้งแต่เรียน ไม่เคยเจอเล่มไหนที่ practical เท่านี้ ไม่ว่าจะ longman สุดห่วยที่บรรหยัด bangkok ซะห่วยหรือเล่มไหนก็ตาม

Anonymous said...

เล่ม6 ของศ.ทักษิณา ดีมาก แปล สั้น ง่าย และได้ใจความ เหมาะสำหรับคนที่เริ่มเรียนจ้า