Monday, December 17, 2007

[409]สูตรสำเร็จในการฝึกพูดกับเว็บ:Play-Pause-Repeat

สวัสดีครับ
อันที่จริงตามชื่อเรื่องข้างบน ผมสามารถพูดจบได้ภายในไม่กี่บรรทัด คือ

"เมื่อท่านเข้าไปที่เว็บสอนภาษาอังกฤษซึ่งมีไฟล์ MP3 ท่านสามารถฝึกพูดภาษาอังกฤษได้โดย (1)คลิกปุ่ม Play, (2)ฟังเสียง (3)คลิกปุ่ม Pause เพื่อหยุด (4) Repeat คือพูดตามเสียงที่ได้ยิน ทำซ้ำไปซ้ำมา วนไปวนมาอย่างนี้บ่อย ๆ ไม่นานก็จะเก่งทั้ง listening และ speaking" - - จบแล้วครับที่ผมต้องการจะบอก

แต่ถ้าท่านมีเวลา ผมขอนุญาตเล่าประสบการณ์และความคิดเห็นส่วนตัวในการศึกษาภาษาอังกฤษสักนิดนะครับ

ผมเชื่อว่าคนไทยไม่น้อยเป็นอย่างผม คือไม่มีโอกาสไปใช้ชีวิตและศึกษาเมืองนอกและได้ใช้ภาษาอังกฤษครบวงจรที่นั่น และแม้จะเรียนในเมืองไทย ท่านเชื่อผมไหมครับว่า ตั้งแต่เรียนชั้น ป.เตรียม (ตำบลที่ผมอยู่ตอนเด็ก ใน พ.ศ.นั้นไม่มีโรงเรียนอนุบาลให้ผมเดินไปเรียน) จนจบปริญญาโท ผมไม่เคยเรียนภาษาอังกฤษกับครูฝรั่งแม้แต่คนเดียว และผมก็เชื่ออีกว่าต่อให้ได้เรียนกับครูไทยที่เก่งเต็มพิกัดเพียงใดก็ตาม เพียงใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อ 1 สัปดาห์ในชั้นเรียนภาษาอังกฤษแม้จะอย่างตั้งใจ ก็ไม่มีทางที่จะเก่งภาษาอังกฤษได้ ยิ่งถ้าเรียนอย่างไม่มีใจยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เมื่อเรียนจบและได้เดินทางไปหลายประเทศ ได้พูดคุยกับผู้คนพอสมควรทำให้ผมรู้ว่า ปัญหานี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเฉพาะคนไทย แต่เกิดขึ้นกับหลายชาติ แม้แต่ชาติที่รวย ๆ เช่น ญี่ปุ่น, ชาติที่คนไทยทึกทักว่าพูดภาษาอังกฤษได้ดีแทบทุกคน เช่น อินเดีย. และอีกหลายชาติที่เป็นฝรั่ง แต่พูดภาษาอังกฤษได้ทุรกันดารเต็มที

คนรุ่นผมซึ่งเหลือเวลาทำงานไม่นานนักอาจจะไม่ถูกกดดันมากนักให้ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็น แต่คนรุ่นน้อง – รุ่นลูก – และรุ่นหลาน ไม่ได้โชคดีอย่างผม ไม่ได้โชคดีแปลว่าจะโชคร้าย ถ้าไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างที่ชีวิตการทำงานของโลกยุคใหม่มันบังคับให้ต้องใช้ เว้นแต่ว่าจะยอมรับที่จะเป็นคนตกรุ่นซึ่งคงไม่มีใครยอมรับ

และเนื่องจากเรามีข้อจำกัดหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถฟิตภาษาอังกฤษให้เข้มแข็งได้เหมือนใจ เราไม่มีคุณพ่อคุณแม่เป็นเศรษฐีส่งให้ไปเข้าคอร์ส summer camp ที่อังกฤษหรือนิวซีแลนด์, เงินเดือนเราไม่มากพอที่จะจ้างฝรั่งมาสอน private conversation course, งานของเราต้องติดต่อกับฝรั่งในฐานะคนที่พูดภาษาอังกฤษเป็น ไม่ใช่คนที่หัดพูดภาษาอังกฤษ, ฯลฯ เมื่อเงินก็น้อย เวลาก็ไม่ค่อยมี แล้วจะทำอย่างไรกันล่ะครับ

ผมอยากจะชวนทุกท่านอ่านคำสอนของหลวงปู่พุทธะอิสระสัก 2 ตอนสั้น ๆ คลิกข้างล่างนี้ครับ (ดาวน์โหลดเสร็จแล้วคลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
http://home.dsd.go.th/freeenglish/22.png
http://home.dsd.go.th/freeenglish/24.png

(เพิ่ม ยันต์กันท้อ ของท่านอาจารย์พยอม: http://home.dsd.go.th/freeenglish/yankanto.jpg)

ผมเชื่อว่าสิ่งที่หลวงปู่สอนเป็นความจริง และอยากให้ท่านผู้อ่านทุกคนมีกำลังใจเพราะความจริงนี้ ความจริงที่สามารถทำให้ความฝันของท่านเป็นความจริง

ย้อนกลับมาเรื่องพูดเรื่อง “สูตรสำเร็จในการฝึกพูดกับเว็บ: Play-Pause-Repeat” ตามหัวข้อข้างบน ผมเคยได้ยินบางคนพูดว่า รู้ศัพท์ตั้งเยอะแยะ แต่พอถึงเวลาต้องพูดกลับพูดไม่ออก ไม่รู้จะทำยังไงดี

ผมขออนุญาตทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญ ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ เอาประสบการณ์ของตัวเองมาเล่าสักนิดนะครับ ขออนุญาตพูดเป็นข้อ ๆ อย่างนี้นะครับ

[1]. เด็กฟังเสียงของโลกภายนอกตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ มีงานวิจัยว่าไว้อย่างนั้น คุณแม่บางท่านอยากให้ลูกเกิดมาเป็นคนอารมณ์ดีตอนตั้งท้องก็เปิดเพลง classic เย็น ๆ โดยนักวิจัยบอกว่าเด็กก็ได้ยินด้วย (ผมสงสัยว่า ถ้าฟังเพลงฝรั่งเย็น ๆ อาจจะช่วยให้ลูกฝึก English listening skill ตั้งแต่อยูในท้องก็เป็นไปได้) พอคลอดออกมาแล้ว ทักษะแรกทางภาษาที่เด็กฝึกก็คือ listening skill ผมเข้าใจว่าพร้อม ๆ กันนั้นเจ้าหนูก็พยายามฝึก speaking skill ไปพร้อม ๆ กัน เสียงอ้อ ๆ แอ้ ๆ ที่เราฟังไม่รู้เรื่องนั้นก็คงเป็นความพยายามพูดออกเสียงอย่างใดอย่างหนึ่ง และจนถึงวันหนึ่งเจ้าหนูก็พูดคำแรกได้ อาจจะเป็นคำว่า “แม่” เพราะแม่เรียกตัวเองว่า “แม่” ให้ลูกฟังจนนับครั้งไม่ถ้วน ถึงตรงนี้ผมอยากจะสรุปตามประสาของผมว่า ตามธรรมชาติของการเรียนภาษานั้น ต้องฝึกฟังให้ได้ คือ listening ก่อนที่จะพูดเป็น คือ speaking และมันจะเป็นการ ฟัง – พูด, ฟัง – พูด, ฟัง – พูด, ๆ ๆ ๆ.... ไปเรื่อย ๆ เด็กสามารถพูดทีละคำ ทีละวรรค ทีละประโยคด้วยวิธีนี้

[2]. ข้อสรุปที่ 2 ของผมก็คือ เมื่อเราต้องเรียนพูดภาษาที่ 2 คือภาษาอังกฤษเมื่ออายุเยอะแล้ว และจ้องแต่จะฝึกพูดอย่างเดียวโดยไม่ยอมลงทุนฟังเยอะ ๆ ก็ยากครับที่จะพูดได้ ลองคิดดูง่าย ๆ ก็ได้ครับ กว่าเด็กจะพูดคำว่า “แม่” ออกมาได้ เด็กจะต้องได้ยินเสียงคำนี้จากปากของแม่ ผ่านเข้าไปในหูของตัวเองกี่ร้อยครั้ง แล้วกว่าจะขยับปาก ขยับลิ้น ขยับขากรรไกร ให้เปล่งเสียงพูดออกมาให้กับเหมือนเสียงที่ตัวเองได้ยิน ก็คงต้องขยับกล้ามเนื้อบริเวณปากกันเป็นพัน ๆ ครั้งนะครับ จึงจะทำงานนี้สำเร็จ ใครนะบอกว่าเด็กเอาแต่นอนไม่ต้องทำงาน เขาก็ทำงานเหมือนกับที่เรากำลังทำนี่แหละครับ คือการฝึก listening skill และ speaking ภาษาไทยครับ

[3]. ฉะนั้น ขั้นแรกของการเรียนภาษาคือการฝึกฟังให้ชินหู และพูดให้ชินปาก ต้องทำทั้ง 2 อย่าง ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ครับ ถ้าเราฟังอย่างเดียวโดยไม่พูด จะรู้ได้อย่างไรว่าเราฟังถูกต้อง การพูดออกมาให้คนอื่นหรือตัวเองได้ยินนั้น คือการพิสูจน์ว่าเราฟังถูก
4. ภาษาไทยที่เราเรียนตอนเด็กเป็นเช่นใด ภาษาอังกฤษที่เราเรียนตอนโตก็เป็นเช่นนั้น เราต้อง ฟัง – พูด, ฟัง – พูด, ฟัง – พูด, ๆ ๆ ๆ . . . ไปเรื่อย ๆ จนชินหูและชินปาก

ท่านอาจะถามว่า จะไปพูดให้ใครฟังล่ะ พูดออกเสียงถูกต้องหรือเปล่าก็ไม่รู้ แขกฝรั่งก็ไม่มี ครูฝรั่งก็ไม่มี เพื่อนฝรั่งก็ไม่มี แฟนฝรั่งยิ่งไม่ต้องพูดถึง จะพูดให้ใครฟังล่ะ? คำตอบของผมคือ ตอนที่ยังหาไม่ได้นี้ ก็ฝึกพูดกับเว็บไปก่อนแล้วกันครับ การฝึกกับเว็บดียังไง ผมขอเจียระไนสรรพคุณดังนี้ครับ

[1]. สะดวก สบาย จะฟังเมื่อไรก็ได้ ฟังนานเท่าไรก็ได้ ฟังที่ไหนก็ได้ (save ใส่เครื่องเล่น MP3 ไปฟังขณะเดินทาง)
[2]. มี choice ให้เลือกฟังเยอะ เรื่องที่ชอบ เรื่องยาว เรื่องสั้น เรื่องยาก เรื่องง่าย พูดเร็ว พูดช้า เรื่องเล่น ๆ เรื่องทางวิชาการ โอ๊ย! เยอะจนพูดไม่หมด
[3]. ไม่เสียตังค์ ตรงนี้แหละครับที่สำคัญ

แต่ประเด็นที่ผมต้องการบอกในวันนี้ก็คือ อย่าให้การฟังหยุดอยู่แต่ฟัง ให้มันต่อไปเป็นการพูดด้วย คือเมื่อชินหูแล้วต้องฝึกขยับปากให้เปล่งเสียงออกมาด้วยจนชินปากที่จะพูด พอถึงย่อหน้านี้ผมขอยกย่อหน้าแรกของข้อเขียนนี้มาพูดอีกครั้ง คือ


เมื่อท่านเข้าไปที่เว็บสอนภาษาอังกฤษซึ่งมีไฟล์ MP3 ท่านสามารถฝึกพูดภาษาอังกฤษได้โดย (1)คลิกปุ่ม Play, (2)ฟังเสียง, (3)คลิกปุ่ม Pause เพื่อหยุด, (4) Repeat คือพูดตามเสียงที่ได้ยิน, ทำซ้ำไปซ้ำมา วนไปวนมาอย่างนี้บ่อย ๆ ไม่นานก็จะเก่งทั้ง listening และ speaking

บางท่านอาจจะแคลงใจว่า เอ๊ะ! แล้วเราจะออกเสียงถูกหรือนี่ ผมต้องขอร้องท่าน อย่าดูถูกหูของตัวเองครับ หูของท่านมีประสิทธิภาพครับ ไม่อย่างนั้นท่านไม่สามารถพูดคำว่า “พ่อ”, “แม่”, “หม่ำ”, “นม”, “น้ำ” และอีก 9,999 คำมาได้ตั้งแต่เด็กหรอกครับ คนที่เป็นใบ้พูดไม่ได้ก็เพราะหูหนวกมาตั้งแต่เด็ก ท่านไม่ได้หูหนวก เมื่อท่านฟังภาษาไทยและพูดภาษาไทยได้เมื่อตอนเด็ก ท่านก็ต้องฟังภาษาอังกฤษและพูดภาษาอังกฤษได้แม้ท่านจะโตแล้วก็ตาม

แต่... การพูดต้องทำไปพร้อม ๆ กับการฟังครับ เมื่อท่านฟัง นอกจากท่านจะได้สำเนียงแล้ว ท่านยังได้สำนวน ศัพท์ และความรู้อีกด้วย และเมื่อท่านฝึกกับเว็บ สูตรศักดิ์สิทธิ์แห่งความสำเร็จที่ผมขอแนะนำก็คือ Play – Pause – Repeat เริ่มจากง่ายไปยาก จากน้อยไปมาก จากช้าไปเร็ว จากที่ชอบมากๆไปยังเรื่องที่จำเป็นต้องรู้แม้ไม่ค่อยชอบ แต่ต้องฝึกบ่อย ๆ ฝึกทุกวัน
มีที่ให้ท่านฝึก Play – Pause – Repeat ได้ฟรี ๆ มากมาย เข้าไปที่นี่ครับ:
การฟัง listening
การพูด การสนทนา การออกเสียง

ท่านเชื่อได้เลยครับ ผมไม่ได้เอาเรื่องเกินจริงมาพูดเพื่อให้กำลังใจ แต่ผมเอาเรื่องจริงมาพูด เรื่องจริงที่ช่วยให้ท่านฟังและพูดภาษาอังกฤษได้จริง ถ้าท่านเอาจริง

ผมเชื่อว่าทุกท่านทำได้จริงครับ

พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com

16 comments:

Unknown said...

ประทับใจมากเลยค่ะ จะพยายามทำตามนะคะ
Blog นี้เยี่ยมจริงๆ ค่ะ
เข้ามาทุกวันมีเนื้อหาเยอะแยะซะจนไม่รู้จะเริ่มฝึกจากตรงไหนดี

วันนี้ก็ได้คำตอบแล้วค่ะ
Play - Pause - Repeat นี่แหล่ะ
ทำตัวให้เหมือนกับทารกเกิดใหม่ฟังให้มากๆ

ขอบคุณนะคะสำหรับเนื้อหาดีๆ มากมาย

Anonymous said...

ดิฉันเป็นครูสอนภาษาอังกฤษค่ะ อยากขอบคุณ Blog นี้มาก ๆ เลยค่ะ ที่คอยให้กำลังใจในการเรียนภาษาอังกฤษ เข้า Blog นี้ทุกวันค่ะ และนำไปใช้ประโยชน์ได้มากมายจริง ๆ นักเรียนของดิฉันได้เรียนอะไรใหม่ ๆ มากมายจากที่นี่แหละค่ะ อยากให้คนไทยเข้ามาศึกษา Blog นี้เยอะ ๆ
ขอบคุณ คุณ Pipat มาก ๆ นะคะ ทำให้ครูที่ไม่เคยมีความมั่นใจในตัวเองในการสอน ได้พัฒนาตัวเอง ดิฉันชอบมากที่คุณบอกว่า เราจะเก่งภาษาอังกฤษขึ้นวันละนิด สะสมไปเรื่อย ๆ ขอบคุณจากใจจริง และขอเป็นกำลังใจให้คุณ....ทำสิ่งดี ๆ เหล่านี้ต่อไปนะคะ

MyFriend said...

ว้าว เจ๋งจังเลยครับ ให้กำลังใจผมมากมายเลย
ผมอายุ16อยากเก่งภาษาอังกฤษ จะเป็นโปรแกรมเมอร์ แต่เกรดก้อกลางๆ ภาษาก้อไม่เก่งแต่คุณช่วยให้ผมอยากเก่ง ขอบคุณนะครับ มีภาษาติดตัวดีกว่าไม่มีอะไรติดตัว

Anonymous said...

ขอบคุณ ผู้เขียนมากๆเลยนะคะ ดิฉันนี่แหล่ะค่ะที่เค้าเรียกใกล้เกลือกินด่าง ของเเท้ ตอนนี้เเต่งงานกับสามีต่างชาติ (เมกัน)มา5ปีเเล้วภาษาไม่กระดิกไปทางไหนเลยค่ะ ไม่อยากบอกใครด้วยว่าเรียนจบปริญญาตรี ด้านวิศวะฯ เเต่ภาษาไม่ได้เรื่องเลย อ่านได้เขียนได้ แต่ไม่กล้าที่จะพูดค่ะ พอมาเจอบล๊อคนี้ของคุณ Pipat ดิฉันมีความมั่นใจมากขึ้นค่ะเเล้วทำให้มีกำลังใจที่จะสอบเข้าเรียนพยาบาลของที่นี่ค่ะ ขอบคุณจากใจจริงนะคะ

Anonymous said...

ดีครับ สำหรับเว็ปนี้ แต่มีข้อเสียอย่างครับ
ข้อเสียจากผมเองครับ
เพราะทำงานมาทั้งวันเวลา มาศึกษาเลยน้อยไปหน่อย วันละแค่ 1 ชั่วโมง ก็รู้สึกล้า อยากนอนแล้ว คงเป็นเพราะเราทำงาน ดูคอมมาทั้งวันแล้วนั่นเอง

เป็นไปได้ขอวิธี แบ่งเวลา ในการทำงานกับการเรียน ด้วย ถ้าจะกรุณาชี้ทาง จะเป็นพระคุณอย่างสูงครับ

สุดท้าย ก็คงพูดได้แค่ว่า

ขอบคุณครับ

Anonymous said...

ขอบคุณนะคะสำหรับเวปนี้มีประโยชน์มากๆ ตรงใจสุดๆๆๆ แถมฟรีอีกต่างหาก ขอบคุณมากๆเลยค่ะ

Anonymous said...

อภิชาติครู ขอบคุณผู้ให้ที่แสนใจดี (...ครูคน..)

Anonymous said...

ผมอยากได้คำแนะนำแบบนี้มานานแล้ว ขอบคุณที่ชี้แนะและให้กำลังใจ คนอื่นที่เขาฟังรู้เรื่องเขาไม่เห็นแนะนำแบบนี้เลย เขาบอกแค่ว่าเขาฟังรู้เรื่อง เลยทำให้ผมคิดมาตลอดว่าผมไม่ได้เรื่อง ทั้งๆที่ตอนเรียนสมัยเด็ก ผมเรียนภาษาอังกฤษได้ดีมาตลอด (สมัยก่อน ครูเน้นแกรมมา กับอ่าน ครับ)

Anonymous said...

เป็นยอดอาจารย์ครับ ซื้อหนังสือครูเคด แอนดรูบิก ของของคนอื่นมาเป็นสิบเล่มแล้ว แต่ไม่มีที่โดนใจเท่านี้ จริงใจมากๆ ครับ ผมจะนับถือน้ำใจคุณตลอดไป
ภัทรพล ครับ

PBCLIP-MAKER said...

ขอบคุณเป็นอย่างสูงๆๆๆๆ สุดๆ ครับ ผมกำลังจะหัดฝึกภาษาอังกฤษ อยู่ครับหลังจากที่เคยพยายามมาหลายครั้ง เว็ปนี้มีเนื้อหาเยอะดีครับอ่านแล้วก็เข้าใจแต่ผมจะทำตามที่สอนได้มั๊ยเนี่ยสิเรื่องใหญ่
ผมถามอะไรอีกอย่างนะครับ การที่เรารู้คำศัพท์เยอะจะช่วยได้มากขึ้นมั๊ยครับ แล้วทำไงถึงจะจำคำศัพท์ที่มีอยู่มากมายได้อะครับ มีแนวทางการฝึกมะครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ที่เอามาแบ่งปัน ให้เด็กน้อยตาดำๆอย่างผม อิอิ

pipat - blogger said...

ถาม:การที่เรารู้คำศัพท์เยอะจะช่วยได้มากขึ้นมั๊ยครับ
ตอบ:ใช่ครับ

ถาม:มีแนวทางการฝึกมะครับ
ตอบ:เลือกอ่านคำแนะนำจาก 2 ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ

http://freeenglishstudy.blogspot.com/2007/05/blog-post_3914.html

http://freeenglishstudy.blogspot.com/2007/05/vocabulary.html

Anonymous said...

ผมเป็นคนหนึ่ง ที่หาแรงกระตุ้นในการฝึกภาษาอังกฤษ
แต่ไม่ค่อยกล้าแสดงออก
ขอบคุณblogนี้ มากๆคับ..

Anonymous said...

ชอบเวปนี้มากๆค่ะ หนูเป้นคนที่เรียนภาษามาหลายๆสำนักแล้ว แต่ก็พัฒนาไม่เท่าไหร่ เสียเงินเป็นแสน
มาเจอเวปนี้ดีมากๆเลยค่ะ เสียอย่างเดียวที่ไม่ต้องเสียเงิน คือใช้เวลามาฝึกฝนเท่านั้นค่ะ ขอบคุณนะคะ

Anonymous said...

ไม่รุ้จะหาคำไหนมาขอบคุณดี ขอบคุณไม่จบสิ้นสำหรับบล๊อกดีๆแบบนี้ นัทฝึกตามที่คุณพิพัฒแนะนำมาสักระยะหนึ่งแล้วประมาณ1ปี กว่าๆ ได้ จากที่อ่านไม่ออกเลย เห็นภาษาอังกฤษตาลายอ่านไม่รู้เรื่อง ทุกวันนี้กลับมาอ่านบทความเดิมที่เคยอ่านไม่ออก ไม่น่าเชื่อเราก็อ่านรู้เรื่องนี่หว่า เพลงที่เคยฟังไม่รู้เรื่องก็ฟังออก โอ้ไม่ต้องบรรยายความรู้สึกตอนนี้เลย วิเศษมาก จะทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ฝึกไปเรื่อยๆเพราะผลของมันวิเศษมาก อยากให้เพื่อนๆที่กำลังจะคิดฝึก ทำเลยคะ เพราะมีความสุขมากที่อ่านออก ฟังรู้เรื่อง คุ้มค่าแก่การฝึกฝนจริงๆค่ะ "ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่นจริงๆ...นัท

pipat - blogger said...

ยินดีด้วยครับคุณนัท
พิพัฒน์ - Blogger

Unknown said...

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำและการสร้างสรรค์เว็บดีๆแบบนี้มากๆค่ะ ขอเป็นกำลังใจให้คุณไปตลอดค่ะ

link ของหลวงปู่และพระอาจารย์พยอมเสียค่ะ รบกวนด้วยนะคะ