สวัสดีครับ
บรรทัดสุดท้ายของข้ดเขียนในวันนี้ผมกะจะพูดว่า “ขอเชิญทุกท่านนำโปรแกรมฟรี ดิกชันนารี อังกฤษ – ไทย (My Buddy – Clicktionary) & ดิกชันนารี อังกฤษ – อังกฤษ (WordWeb) ไปใช้, ซึ่งใช้ได้ทั้ง online และ offline, ทั้งอ่าน Web และอ่านเอกสาร Word, ผมขอรับรองว่าทักษะในการอ่าน หรือ Reading Skill ของท่านจะดีขึ้นมากจนท่านก็แปลกใจตัวเอง ท้าท่านไม่ได้ผลผมยินดีให้ท่านต่อว่า ว่าผมเอาของไม่ดีมา ‘ขาย’”
แม้จะสรุปไม่กี่บรรทัดข้างต้น แต่เรื่องที่อยากจะคุยด้วยมีเยอะ ถ้าท่านมีเวลาและไม่ได้รีบไปไหน อยู่คุยกันหน่อยนะครับ
* * * * *
ในการที่จะเก่งภาษาอังกฤษ ทุกคนยอมรับว่าการอ่านสำคัญ ถ้าอ่านเก่งก็จะช่วยทำให้เราฟังเก่ง – พูดเก่ง – และเขียนเก่งตามไปด้วย
มีบางคนถามว่า ต้องเก่งขนาดไหนถึงจะ ‘พอ’ ผมตอบว่าวิธีวัดง่าย ๆ ที่สุดก็คือ ท่านสามารถอ่านหนังสือพิมพ์รายวัน Bangkok Post หรือ The Nation ได้รู้เรื่องใกล้เคียงกับอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาไทยหรือเปล่า ถ้าทำได้ก็ ‘พอ’ ถ้าทำไม่ได้ก็ยังไม่ค่อยพอ
ทำไมผมจึงตอบง่าย ๆ ดื้อ ๆ อย่างนี้ ขอให้เหตุผลอย่างนี้ครับ
1. ข้อสอบภาษาอังกฤษภาค Reading เข้าปริญญาโท หรือ ชิงทุนไปอบรมหรือดูงานเมืองนอก ก็ไม่ได้ยากไปกว่า Bangkok Post หรือ The Nation หรอกครับ ข้อสอบ Toefl จะยากกว่าก็อีกนิดหน่อยเท่านั้น
2. การตระเวณหาอ่านเรื่องราวต่าง ๆ ในโลกอินเตอร์เน็ต ถ้าอ่าน Bangkok Post หรือ The Nation ได้, โลกอินเตอร์เน็ตก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับท่านเลย
3. ผมเข้าใจว่าหนังสือพิมพ์เป็นแหล่งของเนื้อหาและภาษาที่ชาวโลกคุ้นเคยมากที่สุด การรู้เรื่องราวที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์ ก็คือรู้เรื่องราวที่คนส่วนใหญ่เขารู้นั่นเอง แต่ถ้าท่านไปอ่านตำราวิชาการด้านเศรษฐกิจการคลัง ด้านฟิสิกส์ ด้านปรัชญา แล้วไม่รู้เรื่อง เพราะศัพท์มันยาก-เนื้อหามันยุ่ง ก็คงไม่มีใครว่าท่าน แต่หนังสือพิมพ์รายวันเป็นเรื่องต่ำสุดที่เราทุกคนต้องอ่านรู้เรื่อง ถ้าเราจะคุยกับชาวไทยทั้งประเทศรู้เรื่อง เราก็ต้องอ่านไทยรัฐ – เดลินิวส์ – มติชน – ผู้จัดการ ฯลฯ แต่ถ้าเราจะคุยกับชาวโลกรู้เรื่อง เราก็คงจะต้องอ่านข่าวรายวัน อย่าง Bangkok Post, The Nation, BBC, CNN หรือ Al Jazeera ฯลฯ
แต่..... แต่.... ทำอย่างไรจึงจะอ่านหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษให้รู้เรื่องล่ะ ?
จากประสบการณ์การอ่านของผม ผมว่ามันมีอยู่อย่างน้อย 3 ด่านที่เราต้องผ่านไปให้ได้ คือ
1. รู้ศัพท์ - ถ้าเดาไม่ออก และเป็นศัพท์สำคัญที่ต้องรู้ ก็หลีกหนีไม่พ้นที่จะต้องเปิดดิก
2. เลือกความหมายจากในดิก – ศัพท์บางคำมีตั้ง 5 – 10 ความหมาย ก็ต้องไล่ดูแหละครับว่า ความหมายใดที่ตรงกับเนื้อหาที่อ่าน
3. ตีความให้เข้าใจเนื้อหาที่อ่าน – บางทีรู้ความหมายแล้ว ก็ยังอ่านไม่รู้เรื่องอยู่นั่นเอง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเรามีความรู้พื้นฐานในเรื่องนั้นน้อยเกินไป และสำหรับบางคนที่แกรมมาร์อ่อนเกินไป อาจจะตีความผิดพลาดก็ได้
จะเห็นว่าการอ่านให้รู้เรื่อง ให้เก่ง ให้เร็ว ไม่ใช่ของง่ายนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นเรื่องเนื้อหาหนัก ใช้ศัพท์ยาก แต่งด้วยประโยคโครงยุ่ง ๆ
แต่เมื่อภาษาอังกฤษสำคัญนักสำหรับคนยุคใหม่ ยังไง ๆ ก็ต้องอ่านให้รู้เรื่อง
คราวนี้มาถึงจุดที่ผมต้องการจะพูดในวันนี้แล้วครับ
1. แม้คุณครูบางท่านจะสอนว่า ไม่ต้องไปเสียเวลาไปเปิดดิกทุกคำ เดา ๆ เอาบ้างก็ได้ จับประเด็นสำคัญให้ได้ก็พอแล้ว แต่ผมเห็นว่าจนแล้วจนรอดเราก็ต้องเปิดดิกครับ เพราะหลายครั้งที่เราเดาไม่ออก และบางเรื่องที่เราอ่าน เราถูกบังคับให้ต้องรู้เรื่องทั้งหมด ไม่ใช่เพียงรู้คร่าว ๆ
2. เมื่อผ่านการอ่านไปมากเข้า ๆ ผมได้ข้อสรุปว่า ดิกอังกฤษ – ไทยมีข้อจำกัดหลายอย่าง
- นับตั้งแต่เรื่องง่าย ๆ คือ คำศัพท์ในภาษาอังกฤษจำนวนมาก ไม่สามารถหาคำไทยมาเทียบแปลได้เด๊ะ ๆ เพราะความหมายมันเหลื่อมกันไม่มากก็น้อย แต่ผู้รู้ที่เรียบเรียงดิกก็ไม่สามารถแปลความหมายในลักษณะบรรยายได้ทุกคำศัพท์ เช่น เพราะจะทำให้ดิกหนาเกินไป เพราะฉะนั้น ศัพท์ภาษาอังกฤษหลายคำที่เราจำคำแปลสั้น ๆ เป็นภาษาไทย จึงทำให้เราเข้าใจนัยะเพียงคร่าว ๆ เท่านั้น
- การใช้ดิก “อังกฤษ – ไทย” ตลอดเวลา ทำให้เราเข้าใจเป็นภาษาไทย ซึ่งที่ถูกต้องแล้ว เมื่อเราอ่านภาษาอังกฤษและเข้าใจ เข้าใจก็คือเข้าใจ ไม่มีความจำเป็นต้องแปลความเข้าใจนั้นออกมาเป็นภาษาไทยในสมอง ถ้าเปรียบเทียบกับการพูด คนที่พูดคล่อง ๆ เป็นภาษาอังกฤษ ก็คิดเป็นภาษาอังกฤษ และพูดเป็นภาษาอังกฤษไปเลย ถ้าขืนต้องแปลเป็นภาษาไทยทุกครั้งที่ได้ยินฝรั่งพูด หรือเมื่อจะพูดอังกฤษต้องแต่งเป็นประโยคภาษาไทยก่อน อย่างนี้ไม่ทันกินครับ อย่างที่ผมเรียนแล้ว เข้าใจก็คือเข้าใจในภาษาแรกเลย คนไทยบางคนพูดได้หลายภาษา เช่น ทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศส และเยอรมัน ตอนพูดคุยภาษาไหนก็เข้าใจเป็นภาษานั้น ไม่ต้องแปลเป็นภาษาไทยในสมองให้เสียเวลา
การพูดเป็นเช่นไร การอ่านก็เป็นเช่นนั้นแหละครับ และผมเชื่อว่า หลาย ๆ คนที่ทำข้อสอบ Reading ไม่ค่อยทัน ก็เพราะตอนอ่านข้อสอบต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อนนี่แหละครับ
แต่,,, ท่านอาจจะบอกว่า อ้าว ! ก็เราคนไทยนี่ เราก็ต้องคิดเป็นภาษาไทย จะให้คิดเป็นภาษาอังกฤษ มันจะไม่ยากไปหน่อยหรือ ?
คำตอบของผม คือ ใช่ครับ ยาก แต่ถ้าทำได้ ก็จะเป็นประโยชน์มาก เพราะจะทำให้เราอ่านได้รวดเร็วขึ้น และเป็นพื้นฐานที่ดีมาก ๆ เมื่อเราต้องพูดและเขียน เพราะจะได้ทำเป็นภาษาอังกฤษไปเลย ไม่ต้อง ‘ร่าง’ เป็นภาษาไทยเสียก่อน
และผมขอบอกว่า ดิกชันนารี อังกฤษ – ไทย ช่วยให้เราอ่านภาษาอังกฤษได้ในระดับเริ่มต้น(คิดแปลเป็นภาษาไทย) แต่ดิกชันนารี อังกฤษ – อังกฤษ เท่านั้น ที่จะช่วยให้เราอ่านภาษาอังกฤษได้ในระดับที่สูงขึ้นไป (ไม่ต้องคิดแปลเป็นภาษาไทย)
ข้อความข้างต้นทั้งหมดนี้ผมเคยเอาไปคุยกับน้อง ๆ ก็ได้รับคำตอบว่า โอ้โอ ! แค่เปิดดิกภาษาไทยอย่างเดียวก็แทบตายแล้ว นี่จะให้เปิดดิกอังกฤษอีกเล่มนึง โอ๊ย ! ตายดีกว่า
ข้อเสนอของผมก็คือ ถ้าท่านอ่านจากหนังสือพิมพ์เล่ม ๆ ก็คงจะแทบตายอย่างที่ว่านั่นแหละครับ แต่ถ้าท่านอ่านจากอินเตอร์เน็ต ท่านก็จะมี ‘ตัวช่วย’ ที่ช่วยให้ท่านเบาแรงลงอย่างมากมาย
‘ตัวช่วย’ นี้ช่วยได้ยังไง? ช่วยอย่างนี้ครับ....
เมื่อท่านอ่านภาษาอังกฤษจาก web หรือเอกสาร word ไม่ว่าจะขณะต่อเน็ตหรือไม่ได้ต่อเน็ต และถ้าท่านพบคำศัพท์ที่ท่านจำเป็นต้องทราบความหมายแต่ไม่ทราบหรือไม่แน่ใจ ท่านก็คลิกที่คำศัพท์นั้น ก็จะมีหน้าต่างเล็ก ๆ แสดงคำแปล pop ขึ้นมา,
ท่านจะเลือกให้เป็นคำแปลแบบ อังกฤษ – ไทย, หรือแบบอังกฤษ – อังกฤษ ก็ได้ ถ้าท่านตั้งใจฝึกฝนโดยเลือกดูคำแปลแบบ อังกฤษ – ไทย ให้น้อยลง ๆ และใช้คำแปลแบบอังกฤษ – อังกฤษ ให้มากขึ้น ๆ ทักษะในการอ่านภาษาอังกฤษของท่านก็จะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะภาระ 3 ข้อในการอ่าน คือ ข้อ 1) รู้ศัพท์ ข้อ 2) เลือกความหมาย และ ข้อ 3) ตีความทำความเข้าใจ จะเหลือเพียงข้อ 2) และ ข้อ 3) เท่านั้น และถ้าเรื่องที่อ่านเป็นเรื่องที่ท่านคุ้นเคย ก็จะหมูเอามาก ๆ เพราะท่านจะเลือกความหมายของศัพท์และตีความได้อย่างง่ายดาย หลังจากนี้ก็ขยับจากเรื่องใกล้ตัวออกไปอ่านเรื่องไกลตัว, เรื่องง่ายไปสู่เรื่องที่ยากขึ้น, เรื่องสั้นไปสู่เรื่องยาวขึ้น
ทั้งหมดนี้คือทางเดินที่น่าชมเชยทั้งสิ้น ซึ่งถ้าท่านได้ทำเรื่อย ๆ ท่านก็ทำได้ โดยมีตัวช่วยที่ขยันขันแข็ง คือ Click Dictionary
ถ้าท่านชักคล้อยตามที่ชมชักชวน ตอนนี้ก็เข้าไปดาวน์โหลด Click Dictionary ได้เลยครับ
[1]. ดิกชันนารี อังกฤษ – ไทย มี 2 โปรแกรมฟรี ครับ คือ
-My Buddy Dictionary คลิกดูรายละเอียด ที่นี่ -Clicktionary คลิกดูรายละเอียด ที่นี่
[2]. ดิกชันนารี อังกฤษ – อังกฤษ มี 1 โปรแกรมฟรี คือ
-WordWeb Dictionary คลิกดูรายละเอียด ที่นี่
ผมขอ copy ย่อหน้าแรกมา paste ไว้ตรงนี้ และยีนยันตามข้อความนั้นทุกประการ
“ขอเชิญทุกท่านนำโปรแกรมฟรี ดิกชันนารี อังกฤษ – ไทย (My Buddy – Clicktionary) & ดิกชันนารี อังกฤษ – อังกฤษ (WordWeb) ไปใช้, ซึ่งใช้ได้ทั้ง online และ offline, ทั้งอ่าน Web และอ่านเอกสาร Word, ผมขอรับรองว่าทักษะในการอ่าน หรือ Reading Skill ของท่านจะดีขึ้นมากจนท่านก็แปลกใจตัวเอง ท้าท่านไม่ได้ผลผมยินดีให้ท่านต่อว่า ว่าผมเอาของไม่ดีมา ‘ขาย’”
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com